"คิม จองอึน" ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ออกเดินทางด้วยรถไฟส่วนตัวมุ่งหน้าไปรัสเซีย นับเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกในรอบ 4 ปี และเป็นการกลับมาใช้รถไฟอีกครั้ง ที่เป็นสัญลักษณ์ความหรูหราและเก่าแก่ยาวนานของตระกูลคิม
วันที่ 12 ก.ย. 2566 สื่อเกาหลีใต้รายงานอ้างคำเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า รถไฟหุ้มเกราะสีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นยานพาหนะส่วนตัวของผู้นำคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ ได้เคลื่อนขบวนออกจากกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ เพื่อเริ่มต้นการเดินทางอันยาวนานไปยังรัสเซีย ตามคำเชิญของ "สหายปูติน" ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และคาดว่าจะมีการพบกันของสองผู้นำในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยสถานที่อาจจะเป็นเมืองท่าวลาดิวอสต็อกของรัสเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนเกาหลีเหนือราว 482 กิโลเมตร
ที่ผ่านมา ผู้นำเกาหลีเหนือแทบไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศเลย นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศสืบต่อจากนายคิม จองอิล บิดาผู้ล่วงลับ ในปี 2554 ขณะเดียวกันในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เกาหลีเหนือก็ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
เป็นที่ร่ำลือกันว่าสมัยก่อน คิม จองอิล บิดาของเขา และย้อนไปถึง คิม อิลซุง ปู่ของเขาซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ ต่างกลัวการเดินทางด้วยเครื่องบิน ทำให้ส่วนใหญ่ตระกูลคิม ต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วยรถไฟที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษ ในขณะที่คิม จองอึน ซึ่งไม่ได้กลัวการขึ้นเครื่องบิน ได้เคยขึ้นเครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่ดำเนินการโดยแอร์ ไชน่า ไปร่วมการประชุมสุดยอดทางการทูตกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2561 และเขายังใช้เครื่องบินของเกาหลีเหนือ เพื่อเดินทางระยะสั้นไปยังเมืองต้าเหลียนของจีนในปีเดียวกัน เพื่อพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ครั้งที่สอง แต่ก็จะเห็นได้ว่า คิม จองอึน เคยเดินทางด้วยรถไฟหลายครั้ง และมักจะชอบเดินทางด้วยรถไฟ ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางที่ไม่ธรรมดาสำหรับผู้นำโลกในศตวรรษที่ 21
...

ตกแต่งภายในหรูหรา เสิร์ฟแต่อาหารชั้นเลิศ
ภาพถ่ายจากสื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือ แสดงให้เห็นขบวนรถไฟสีเขียวและตัดด้วยสีเหลืองโดดเด่นที่ด้านนอก ส่วนภายในขบวนรถไฟที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยผนังสีขาวมันวาว มีโคมไฟประดับผนัง และโซฟาหนังสีแดง พร้อมด้วยโต๊ะยาวสำหรับการบรรยายสรุปและจอภาพขนาดใหญ่
คอนสแตนติน พูลิคอฟสกี เจ้าหน้าที่ทางการรัสเซีย เล่าถึงประสบการณ์การเดินทางข้ามเขตตะวันออกไกลของรัสเซียกับคิม จองอิล ในหนังสือชื่อว่า "Orient Express" โดยมีการบรรยายถึงเมนูอาหารกูร์เมต์ ที่มีเมนูหลากหลายให้เลือกสั่ง ตั้งแต่อาหารรัสเซีย อาหารจีน อาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่น และอาหารฝรั่งเศส พร้อมเสริมว่า บนรถไฟยังมีไวน์บอร์กโดซ์และเบอร์กันดี และยังมีล็อบสเตอร์เป็นๆ อยู่ด้วย
ในหนังสือเล่มนี้ยังเล่าว่า ตลอดการเดินทางบนรถไฟขบวนนี้ จะได้รับความบันเทิงจากนักร้องหญิงสาว ซึ่งได้รับการแนะนำว่าเป็น "วาทยกรหญิง"
บทความจากหนังสือพิมพ์โชซอน อิลโบ ของเกาหลีใต้ เมื่อปี 2552 อ้างรายงานข่าวกรอง ระบุว่า รถไฟขบวนพิเศษของคิม จองอึน มีตู้รถไฟทั้งหมด 90 ตู้ บางตู้เป็นแบบภายในเปิดโล่ง สามารถบรรทุกยานพานะได้ ขณะที่นายกอร์กี โตโลรายา นักการทูตชาวรัสเซียอีกคนหนึ่งที่เดินทางร่วมกับคิม จองอิล ในปี 2544 ระบุว่า มีรถเมอร์เซเดส หุ้มเกราะ 2 คัน ถูกบรรทุกไปกับขบวนรถไฟ

เน้นความปลอดภัย ไม่เน้นถึงไว
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว รถไฟ "แอมแทร็ค อะเซลา" (Amtrak Acela) แบบมาตรฐานมีเพียง 9 ตู้โดยสาร ในขณะที่รถไฟเกาหลีเหนือมี 90 ตู้ ขณะเดียวกันรถไฟของสหรัฐฯ เดินทางได้เร็วกว่ามาก ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถไฟของเกาหลีเหนือมีความเร็วสูงสุดตามรายงานที่ 88.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความช้าอาจเกิดจากน้ำหนักของขบวนรถไฟ ซึ่งเป็นผลมาจากชุดเกราะกันกระสุนแบบพิเศษที่ติดตั้งไว้บนรถไฟ
นักการทูตรัสเซียกล่าวว่า ระหว่างการตรวจสอบรถไฟส่วนตัวของอดีตผู้นำคิม จองอิล โดยช่างเทคนิคชาวรัสเซียในปี 2544 พวกเขาพบว่ามีแผ่นหุ้มเกราะอยู่ใต้รถรางหลัก 2 ตู้โดยสาร ที่ผู้นำเกาหลีเหนือใช้เพื่อพักผ่อนและทำงานในขบวนรถไฟ
ช่างเทคนิคยังพบว่า รถไฟขบวนนี้มีต้นกำเนิดจากโซเวียต แต่ได้รับการดัดแปลงในภายหลังให้เป็นขบวนรถไฟส่วนตัวของผู้นำ และบางครั้งระหว่างการเดินทางรถไฟจะหยุดชะงัก มักเกิดจากปัญหาด้านความปลอดภัย
หนังสือพิมพ์โชซอน อิลโบ รายงานเมื่อปี 2552 ว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยราว 100 นาย จะถูกส่งไปยังสถานีต่างๆ ล่วงหน้า เพื่อตรวจหาภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นก่อนรถไฟจะไปถึง ขณะเดียวกันก็ปิดไฟฟ้าที่สถานี เพื่อป้องกันไม่ให้รถไฟขบวนอื่นเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ นอกจากนี้รถไฟยังเชื่อมต่อกับผู้สนับสนุนด้านโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินขนส่งทางอากาศ Il-76 ที่ผลิตในโซเวียต และเฮลิคอปเตอร์ Mi-17
...
ขณะเดียวกัน ระหว่างการเดินทาง รถไฟขบวนล่วงหน้าได้ไปเตรียมการรักษาความปลอดภัยและดูแลรางรถไฟให้ปลอดภัย ส่วนรถไฟขบวนที่ 3 ซึ่งเป็นขบวนปิดท้ายในกลุ่ม ได้บรรทุกเจ้าหน้าที่สนับสนุนและเหล่าบอดี้การ์ดตามไป
แม้จะดูเหมือนเป็นการเดินทางที่ย่ิงใหญ่และมีรายละเอียดมาก แต่รถไฟก็เป็นวิธีการเดินทางไปเงียบๆ และยากจะตรวจจับได้ เมื่อเทียบกับเครื่องบิน ซึ่งสามารถตรวจพบได้ด้วยข้อมูลการติดตามเที่ยวบินหรือเรดาร์ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา การเดินทางของผู้นำคิม มักได้รับการประกาศหลังจากการเดินทางเสร็จสิ้นแล้ว

รถไฟอาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ระยะเวลาเดินทางจากเกาหลีเหนือไปยังเมืองท่าวลาดิวอสต็อก ใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่าเที่ยวบินอื่นๆ มาก โดยเมื่อครั้งผู้นำคิม จองอึน เดินทางไปเวียดนาม เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 กับโดนัลด์ ทรัมป์ การเดินทางใช้เวลายาวนานถึง 65 ชั่วโมง
ย้อนไปในสมัยการปกครองของคิม อิลซุง ปู่ของเขา เคยใช้เวลาเดินทางด้วยรถไฟนานหลายสัปดาห์ นอกจากนี้ยังเคยนั่งรถไฟไปเยือนยุโรปตะวันออก ใช้เส้นทางผ่านกรุงมอสโกในปี 2527
...
นอกจากนี้ ความช้าของการเดินทางด้วยรถไฟ ยังเกิดขึ้นจากเครือข่ายรถไฟของรัสเซีย ที่ใช้มาตรวัดขนาดที่แตกต่างจากที่ใช้ในคาบสมุทรเกาหลี ทำให้เมื่อจะเข้าเขตรัสเซียแล้ว อาจต้องรอที่ชายแดนเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ตาม การรักษาความปลอดภัยระดับสูงสุด น่าจะเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ตระกูลคิมชื่นชอบการเดินทางด้วยรถไฟ อดีตบอดี้การ์ดคนหนึ่งของอดีตผู้นำคิม จองอิล กล่าวว่า ผู้นำเกาหลีเหนือเคยพูดอย่างหนักแน่นว่า จะไม่เดินทางทางอากาศ เนื่องจากกังวลว่าจะถูกยิงตกลงมาจากท้องฟ้า
ขณะที่ผู้นำเกาหลีเหนือไม่ใช่ผู้นำโลกเพียงประเทศเดียว ที่นิยมชมชอบการเดินทางด้วยรถไฟมากกว่าการเดินทางทางอากาศ เมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากภัยคุกคามด้านการบินในช่วงสงคราม ผู้ไปเยือนกรุงเคียฟของยูเครนเกือบทั้งหมด จึงต้องเดินทางมาโดยบริการรถไฟของยูเครน รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนเอง พร้อมด้วยผู้นำคนอื่นๆ ที่เดินทางด้วยรถไฟวีไอพี ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ มีการเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ก็มีขบวนรถไฟหุ้มเกราะส่วนตัวแบบสุดหรูของเขาเองเช่นกัน สื่อท้องถิ่นของรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีปูติน เดินทางโดยรถไฟเป็นประจำมากขึ้นตั้งแต่ปี 2564 เนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขาเอง.
...