กรีซปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า หน่วยยามฝั่งของพวกเขาอาจเป็นต้นเหตุทำให้เรือขนผู้อพยพล่มจนมีผู้เสียชีวิต 78 ศพ ขณะที่สหประชาชาติเผยว่า ยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 500 คน

เมื่อวันศุกร์ที่ 16 มิ.ย. 2566 นายเจเรมี ลอเรนซ์ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ออกแถลงการณ์ร่วมกับ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ระบุว่า ยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 500 คนในเหตุเรือขนผู้อพยพล่มนอกชายฝั่งของกรีซเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเป็นผู้หญิงและเด็กจำนวนมาก

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในทะเลห่างจากชายฝั่งเมืองไพลอส ทางตอนใต้ของกรีซราว 50 ไมล์ทะเล ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 78 ศพ เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้ถึง 104 คน อย่างไรก็ตามคาดกันว่าเรือลำนี้น่าจะบรรทุกผู้อพยพมามากที่สุดถึง 750 คน

UNHCR กับ IOM ระบุอีกว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งเน้นย้ำความจำเป็นในการนำตัวผู้ลักลอบขนคนเข้าเมืองมาลงโทษ และแสดงความชัดเจนว่าการกู้ภัยและค้นหาในทะเลนั้นเป็นข้อบังคับทั้งทางกฎหมายและทางมนุษยธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การค้นหาและกู้ภัยใดๆ คือสิ่งที่ต้องกระทำเพื่อปกป้องการสูญเสียชีวิต

แถลงการณ์ของทั้งสองหน่วยงานเกิดขึ้นในขณะที่บทบาทของหน่วยยามฝั่งของกรีซกำลังถูกตั้งคำถามอย่างหนัก ว่าอาจมีส่วนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ซึ่งนายโยอานนิส ซาร์มาส นายกรัฐมนตรีรักษาการของกรีซ กล่าวว่า กำลังมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างละเอียด และการประเมินทางเทคนิคเพื่อหาว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้เรือล่ม

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของกรีซออกมาปฏิเสธรายงานต่างๆ ที่ระบุว่า เรือประมงที่ผู้อพยพโดยสารมาล่มหลังจากเวลา 02.00 น. วันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น เพราะเชือกที่หน่วยยามฝั่งเอามาผูกไว้กับเรือซึ่งมีผู้อพยพนั่งมาเกินความจุไปมาก และอาจทำให้เรือพลิกคว่ำหรือไม่

...

ในเบื้องต้นหน่วยยามฝั่งของกรีซ ระบุว่า พวกเขาต้องเว้นระยะห่างจากเรือ หลังจากนั้น หนังสือพิมพ์กรีซ Kathimerini ก็รายงานอ้างคำพูดของแหล่งข่าวที่เป็นสมาชิกหน่วยยามฝั่งว่า เจ้าหน้าที่นำเชือกไปผูกกับเรือเพื่อจะได้ตรวจสอบสถานการณ์และผู้ที่อยู่บนเรือ ก่อนจะแก้เชือกให้เรือมุ่งหน้าต่อไปยังอิตาลี

แหล่งข่าวบอกอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวคาดว่าเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 23.00 น. หรือราว 3 ชั่วโมงก่อนเรือล่ม

ด้านนายอีเลียส เซียคานตาริส โฆษกรัฐบาลกรีซ ยืนยันในวันศุกร์ว่า หน่วยยามฝั่งใช้เชือกเพื่อประคองตัวเรือ และเพื่อเข้าหาเรืออพยพเพื่อดูว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายเซียคานตาริส ย้ำว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้พยายามลากเรือ หรือผูกเชือกกับเรือไว้เป็นเวลานาน

นายเซียคานตาริส บอกอีกว่า ผู้อพยพปฏิเสธความช่วยเหลือ โดยพูดว่า “ไม่ต้องช่วย เราจะไปอิตาลี” ก่อนจะเดินทางต่อ

แต่ชายชาวซีเรียวัย 24 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต บอกกับ นาย ทาซอส โพลีโครโนปูลอส สมาชิกสภาท้องถิ่นของเมืองคาลามาตา ที่ถูกอพยพและถูกนำตัวมาส่งว่า “เรือยามฝั่งผูกเชือกและพยายามลากเรือไปทางซ้าย แต่ไม่รู้ทำไมเรือกลับเปลี่ยนทิศไปทางขวา แล้วจู่ๆ ก็จม”

ขณะที่ผู้รอดชีวิตอีกคนก็เล่าเรื่องราวคล้ายกันให้นายอเล็กซิส ซีปราส อดีตนายกรัฐมนตรีกรีซ ซึ่งเดินทางมายังเมืองคาลามาตาได้ฟังว่า

“ยามฝั่งของกรีซบอกให้เรือตามพวกเขาไป แต่พวกเขาทำไม่ได้” ผู้รอดชีวิตเล่าให้นายซีปราสฟังผ่านล่าม “จากนั้นยามฝั่งก็โยนเชือกมาผูก แต่เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะดึงเชือกอย่างไร เรือจึงเริ่มโยกไปทางขวาและซ้าย” “เรือยามฝั่งไปเร็วเกินไป เรืออพยพเอียงไปทางซ้ายอยู่แล้ว ทำให้มันจมลง”

ทั้งนี้ มีผู้โดยสารเรือประมงที่เกิดเหตุ 9 คน ซึ่งหลายรายเป็นชาวอียิปต์ ถูกจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัยลักลอบขนคนเข้าเมือง.

ที่มา : bbc