- นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไฟได้เผาผลาญพื้นที่ป่าแคนาดาไปแล้วเกือบ 46,102 ตารางกิโลเมตร ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนหน้านี้ เนื่องจากแคนาดามีอุณหภูมิสูงขึ้นเร็วกว่าส่วนอื่นๆ ของโลก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
- มลพิษทางอากาศจากหมอกควันจากไฟป่าในแคนาดา แผ่ปกคลุมหลายพื้นที่ของทวีปอเมริกาเหนือ ได้แก่แคนาดาและสหรัฐฯ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว นับเป็นไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดของแคนาดาเท่าที่เคยประสบมา โดยเฉพาะรัฐควิเบก เกิดไฟป่ากว่า 120 แห่ง หลายจุดยังไม่สามารถคุมเพลิงได้
- ไฟป่ายังก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณมหาศาล อย่างไฟป่าในแคนาดา เมื่อเดือนพฤษภาคม มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 54.8 ล้านตัน
แคนาดาคาดการณ์ว่าจะต้องเผชิญสถานการณ์ไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในปีนี้ ผลกระทบขยายวงกว้างนับพันกิโลเมตร ควันไฟป่าลอยไปไกลถึงเมืองโตรอนโต และรัฐนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ โจนาธาน วิลคินสัน รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของแคนาดา กล่าวว่า ตอนนี้แคนาดากำลังเผชิญกับสภาพความเป็นจริงครั้งใหม่ โดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ไฟป่าที่ยังคงคุกรุ่นใน 416 จุดทั่วประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้มีอยู่ 203 จุดอยู่ในประเภทที่ไม่สามารถควบคุมได้
...
ไฟป่าแคนาดาเริ่มขึ้นได้อย่างไร
ทางการแคนาดาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรับมือไฟป่าครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม จากนั้นก็ได้เกิดไฟป่าเผาไหม้ขึ้นอีกหลายร้อยจุดทั่วประเทศ นับได้ถึง 400 จุด เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่เฉพาะปีนี้เกิดไฟป่าในแคนาดาแล้วกว่า 2,000 แห่ง ส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือของมนุษย์ บางแห่งในรัฐควิเบกเกิดจากฟ้าผ่าต้นไม้
มีการกล่าวโทษว่าสาเหตุมาจากสภาพป่าที่แห้งแล้ง ต้นไม้ยืนต้นตาย และการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ย่ำแย่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า แนวปฏิบัติสมัยใหม่ในการพยายามดับไฟทั้งหมดสามารถหยุดป่าที่สร้างแนวไฟตามธรรมชาติ ซึ่งในอดีตสามารถช่วยลดการลุกลามของไฟป่า
ไฟป่าแคนาดาเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศหรือไม่
ไฟป่าแต่ละครั้งไม่สามารถเชื่อมโยงโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มีความซับซ้อน และปัจจัยความผิดพลาดของมนุษย์ อาทิ การจัดการที่ดินและป่าไม้ก็มีส่วนเช่นกัน
แต่นักวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้สภาพอากาศ เช่น ความร้อน และความแห้งแล้งที่นำไปสู่ไฟป่ามีโอกาสมากขึ้น
โรเบิร์ต เชลเลอร์ ศาสตราจารย์ด้านป่าไม้มหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนา กล่าวว่า สัญญาณผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีความชัดเจนขึ้นมา เราได้เห็นไฟป่าที่ขยายวงกว้างขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้น
โดยฤดูใบไม้ผลิของแคนาดามีสภาพอากาศที่อบอุ่นมากขึ้นและแล้งมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้พื้นที่ป่ามีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิดไฟป่าลุกไหม้เป็นวงกว้าง
อย่างที่ เมืองฮาลิแฟกซ์ เมืองเอกของรัฐโนวาสโกเชีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอุณหภูมิพุ่งขึ้นมาแตะที่ 33 องศาเซลเซียส สูงกว่าอุณหภูมิของช่วงเวลาเดียวกันของทุกปีที่ผ่านมาถึง 10 องศาเซลเซียส ส่วนในหลายพื้นที่ของประเทศ รวมไปถึงรัฐอัลเบอร์ตา และรัฐซัสแคตเชวัน ก็ประสบภัยแล้งมาตั้งแต่ปี 2563
ด้านแดเนียล สเวน นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศแห่ง UCLA กล่าวว่า ปัจจุบันนี้พืชพรรณในป่าแห้งเป็นพิเศษ ซึ่งหมายความว่ามีโอกาสมากขึ้นที่การเกิดฟ้าผ่าจะส่งผลให้เกิดไฟป่า
...
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับนระหว่างอุณหภูมิที่สูงขึ้น กับการเกิดฤดูใบไม้ผลิที่ร้อนจนทำลายสถิติ ซึ่งเห็นได้ในส่วนอื่นๆ ของซีกโลกเหนือ ซึ่งรวมถึงสเปน โปรตุเกส โมร็อกโก แอลจีเรีย และไซบีเรีย โดยปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปว่า อุณหภูมิที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้ความแห้งแล้งในซีกโลกเหนือมีแนวโน้มสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน สำนักงานสอดส่องชั้นบรรยากาศโคเปอร์นิคัส เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า ไฟป่ายังก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศในปริมาณมหาศาล อย่างไฟป่าในแคนาดา เมื่อเดือนพฤษภาคม มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 54.8 ล้านตัน ซึ่งคิดเป็นปริมาณมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับตัวเลขสถิติการปล่อยก๊าซของเดือนเดียวกันในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ไฟป่าแคนาดาจะไหม้ไปอีกนานแค่ไหน
นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ไฟได้เผาผลาญพื้นที่ป่าแคนาดาไปแล้วเกือบ 46,102 ตารางกิโลเมตร ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนหน้านี้ เนื่องจากแคนาดามีอุณหภูมิสูงขึ้นเร็วกว่าส่วนอื่นๆ ของโลก ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
...
โดยพื้นที่ทางตะวันตกของประเทศได้รับผลกระทบมากที่สุด หลังจากสถานการณ์บรรเทาไปหลายวัน แต่ไฟป่ากลับทวีความรุนแรงขึ้นในรัฐอัลเบอร์ตา ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการเมืองเอดสันต้องอพยพประชาชนเป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
พายุและหย่อมความกดอากาศต่ำที่หมุนวน ได้พัดพาอากาศที่มีหมอกควันปกคลุมบางส่วนของแคนาดาและสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ห่างจากไฟป่าไฟไกลหลายร้อยกิโลเมตร แต่สภาพอากาศแบบนี้อาจเริ่มคลี่คลายลงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หมายความว่าท้องฟ้าอาจเริ่มแจ่มใส แต่สำหรับพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับไฟป่า ควันไฟจะยังปกคลุมอยู่ต่อไป
โดยรัฐบาลแคนาดา คาดการณ์ว่าอันตรายจากไฟป่าน่าจะลดลงในรัฐควิเบกและออนแทรีโอ ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่ไฟป่าจะขยายวงไปยังรัฐยูคอน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศในเดือนหน้า และคาดว่าความร้อนและสภาพอากาศแห้งจะยังคงแผ่ปกคลุมแคนาดาไปตลอดช่วงฤดูร้อน ซึ่งหมายความว่าจะยังคงมีปัจจัยเสี่ยงการเกิดไฟป่ารอบใหม่ ซึ่งหมายความว่าอันตรายจากไฟป่าจะยังไม่หมดไปในเร็ววันนี้
ด้าน นายฟรองซัวส์ บอนนาร์เดล รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของรัฐควิเบก กล่าวว่า สถานการณ์ในภาคกลางและตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐ ยังคงยากลำบาก และนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรัฐควิเบก ที่จะต้องต่อสู้กับไฟป่าครั้งใหญ่ รวมถึงการอพยพผู้คนจำนวนมาก ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตลอดฤดูร้อน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดานักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานหลายหน่วย มองว่าสถานการณ์ไฟป่าปีนี้เป็นฤดูไฟป่าที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หากโลกเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ตอนนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในมหาสมุทรแปซิฟิก.
ผู้เขียน เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์
...