ตอนที่ยังไม่มีโซเชียลมีเดีย ศูนย์รวมการแลกเปลี่ยนข่าวและวงการสิ่งพิมพ์รายวันที่สำคัญของโลกอยู่ที่ลอนดอน ปารีส นิวยอร์ก มอสโก อัมสเตอร์ดัม โคเปนเฮเกน สตอกโฮล์ม บรัสเซลส์ โรม เวียนนา ซูริก ปักกิ่ง โตเกียว คาริโอ โจฮันเนสเบิร์ก โตรอนโต เมลเบิร์น ฮาวานา เม็กซิโกซิตี ริโอเดจาเนโร บัวโนสไอเรส และโนกาตา
นักข่าวระดับตำนานมักจะพำนักพักอาศัยอยู่ใน 22 เมืองที่ว่า ทุกเมืองเป็นสถานที่ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันในเชิงลึก สมัยนั้น นักข่าวดังส่วนใหญ่จบมาจากสถาบันชั้นแนวหน้าของประเทศและของโลก คณะที่เข้ายากที่สุดของสถาบันของสหภาพโซเวียตคือคณะวารสารศาสตร์และประวัติศาสตร์ นิสิตต้องได้คะแนนสูงสุดเท่านั้นจึงจะเข้าไปเรียนในคณะทั้งสองได้ จบมาแล้วก็จะมีความรู้ทางประวัติศาสตร์เพียงพอที่จะซอกแซกไปหาข่าวได้ทั่วโลกอย่างมีพื้นฐาน
นักข่าวขลังดังของยุค 1950-2000 ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมีหลายคน ที่ยังมีชีวิตอยู่และเป็นตำนานอันดับ 1 เป็นชาวอเมริกันที่มีชื่อว่าซีมัวร์ เฮิร์ช ข่าวของแกหลายชิ้นสร้างแรงสะเทือนเลื่อนลั่นให้กับกลาโหมหลายประเทศ แม้แต่องค์กรข่าวกรองอย่างซีไอเอหรือเคจีบีก็ยังยอมรับว่างานของเฮิร์ชถูกต้องแม่นยำเฮิร์ชจบจากมหาวิทยาลัยชิคาโก อายุ 86 ปี อาชีพที่กรอกไว้ในประวัติของตัวเองคือ Journalist (นักหนังสือพิมพ์) และ writer (นักเขียน) ผมเขียนเรื่องรางวัลที่เฮิร์ชได้รับมามากมายหลายครั้งในเปิดฟ้าส่องโลก จนไม่อยากเขียนซ้ำแล้วครับ เอาเป็นว่าที่สุดในชีวิตการทำงานสื่อของเฮิร์ชก็คือ การได้รับรางวัลพูลิตเซอร์เมื่อ ค.ศ.1970
ที่เฮิร์ชเปิดเผยเมื่อปีที่แล้วคือ ข่าวสหรัฐฯร่วมกับนอร์เวย์ก่อวินาศกรรมท่อลำเลียงก๊าซนอร์ดสตรีมของรัสเซีย ข่าวนี้เปลี่ยนทิศทางการเมืองโลกอย่างมาก ทำให้หน้ากากของสหรัฐฯหลุดและพบหน้าว่าสหรัฐฯเป็นไอ้จอมวายร้าย การวินาศกรรมท่อก๊าซนอร์ดสตรีมที่เฮิร์ชเปิดเผยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้นำและรัฐมนตรีหลายคนของสหภาพยุโรปไปเยือนจีน เพราะรู้แล้วว่าสหรัฐฯไม่จริงใจต่อพวกตน อย่างน้อยก็ยังมีจีนช่วยบาลานซ์ไม่ให้สหรัฐฯกร่างจนสามารถบีบประเทศของตนได้
...
วันนี้มีข่าวอีกชิ้นหนึ่งซึ่งอาจจะทำให้ทัศนคติของผู้คนที่มีต่อสงครามรัสเซีย-อูเครนเปลี่ยนไปก็คือ ทันทีที่สงครามรัสเซีย-อูเครนระเบิดเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2022 สหรัฐฯและประเทศตะวันตกส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปช่วยอูเครนรบ แต่ในความเป็นจริง อาวุธที่ส่งไปช่วยเหลือจำนวนไม่น้อยถูกนายทหารระดับสูงของอูเครนขโมยเอาเข้าไปขายในตลาดมืด
เฮิร์ชให้ข้อมูลว่า เครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯเคยนำเสนอข่าวนี้ โดยทำเป็นสารคดีชื่อ ‘การติดอาวุธอูเครน’ และเริ่มแพร่ภาพเมื่อสิงหาคม 2022 มีข้อความที่ผู้ก่อตั้งองค์กรพัฒนาเอกชน Blue Yellow ที่โปรอูเครนให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องที่ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯและตะวันตกถึงแนวหน้าทหารอูเครนเพียงร้อยละ 30 นอกนั้นถูกยักยอก ถ้าเป็นอาวุธก็ถูกนำไปขายในตลาดมืด
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯและซีไอเอไม่พอใจที่ซีบีเอสทำสารคดีแบบนี้ออกมาเผยแพร่ ทำให้เสียชื่อเสียง จึงให้มือที่มองไม่เห็นไประงับสารคดีที่โพสต์อยู่ในโซเชียลมีเดีย แล้วสั่งให้นำภาพมาตัดต่อใหม่ หลังจากนั้นก็เอาสารคดีที่ตัดต่อใหม่ไปโพสต์แทน
รัสเซียกังวลใจเรื่องการนำอาวุธร้ายแรงจากสนามรบในอูเครนไปขายในตลาดมืด ตั้งทีมสืบสวนหาข่าว ก็พบว่าอาวุธที่นาโตให้อูเครนไปอยู่ในมือผู้ก่อการร้ายกลุ่มหัวรุนแรงและกลุ่มอาชญากรในตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มูลค่าของอาวุธจากอูเครนที่ถูกนำไปขายในตลาดมืดคือมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3.5 หมื่นล้านบาท) ต่อเดือน
ความโง่ของสหรัฐฯกับนาโต (ที่ส่งอาวุธให้อูเครน) และความโกงของคณะผู้นำทางการเมืองและการทหารของอูเครน (ที่เอาอาวุธที่ถูกนำมาให้ช่วยรบไปขาย) ทำให้อาวุธสงครามร้ายแรงแพร่ขยายกระจายไปทั่วโลก ยากที่จะหาเจอครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com