- โควิดพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 หรือถูกเรียกสั้นๆ ว่า 'อาร์คทูรัส' กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลก หลังพบครั้งแรกในอินเดียตั้งแต่เดือนมกราคม 2566
- ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า โควิดอาร์คทูรัส จะเป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์หลักที่ครองโลกในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากสามารถแพร่ติดเชื้อได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก จากการเป็นเชื้อโควิด-19 ลูกผสมไฮบริดของลูกหลานที่เป็นเครือญาติของเชื้อโอมิครอน BA.2 ที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการหลบหลีกภูมิคุ้มกันและแพร่ติดเชื้อได้เร็วขึ้นอยู่แล้ว
- ขณะนี้พบคนติดเชื้อโควิด XBB.1.16 แล้วในอย่างน้อย 29 ประเทศ รวมทั้งไทย ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกและองค์การอนามัยโลกกำลังเฝ้าติดตามจับตาฤทธิ์เดชของโควิดอาร์คทูรัส ว่าจะรุนแรงกว่าโควิด-19 สายพันธุ์ที่ผ่านๆ มาหรือไม่ แต่จากรายงานในอินเดียยังไม่พบว่าโควิดอาร์คทูรัสทำให้ป่วยหนักหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ท่ามกลางความสนุกสนานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ที่ห่างหายไปหลายปี กระทรวงสาธารณสุขของไทยได้ออกมาเตือนเบาๆ เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่สงบเงียบลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาว่า หลังสงกรานต์แล้ว อาจพบคนป่วยโควิด-19 มากขึ้น และจนถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อโควิด สายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 ในไทยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 27 รายแล้ว ในวันที่ 18 เมษายน
โควิด XBB.1.16 มาจากไหน? จะน่ากลัวเพียงใด? และอันตรายกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์ที่ผ่านๆ มาหรือไม่? กลายเป็นคำถามขึ้นมาในบัดดล หลังจากคนไทยและชาวโลกหายกลัวโรคโควิด-19 กันมาหลายเดือน...

...
รู้จักโควิด XBB.1.16 พบครั้งแรกที่อินเดีย
การปรากฏตัวของโควิดสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16 มีขึ้น เมื่อมันถูกพบเป็นครั้งแรกจากการสุ่มตรวจตัวอย่างเชื้อโควิด-19 ในประเทศอินเดีย เมื่อเดือนมกราคม 2566 โดยเชื้อโควิดสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16 เป็นโควิดลูกผสม หรือไฮบริด ของสายพันธุ์ BA.2.10.1 กับ BA.2.75 ซึ่งโควิดสองสายพันธุ์ย่อยนี้ เป็นลูกหลานของเชื้อโอมิครอน BA.2 ฉายา 'โอมิครอนล่องหน' ที่เก่งกาจในการหลบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ จนเข้ามาทดแทนเชื้อโควิด-19 ก่อนหน้า และกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลกตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2565

XBB.1.16 ถูกตั้งชื่อเรียก Arcturus (อาร์คทูรัส)
โควิดสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16 ถูกตั้งชื่อเรียกสั้นๆ ว่า 'Arcturus' (อาร์คทูรัส) ซึ่งคนไทยเรียก 'ดาวดวงแก้ว' เป็นดาวฤกษ์สว่างที่สุดในกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากถูกจัดให้เป็นเชื้อโควิด-19 ตัวเต็งที่น่าจับตามอง
22 มีนาคม 2566 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้โควิด XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์ที่กำลังถูกจับตา “variant under monitoring” ซึ่งหมายถึง โควิดสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16 มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ที่อาจส่งผลต่อลักษณะของเชื้อไวรัส รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดความได้เปรียบในการเติบโตกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การที่องค์การอนามัยโลกยังจัดให้โควิดสายพันธุ์ย่อย XBB.1.16 เป็นเชื้อโควิดที่กำลังถูกจับตานั้น เป็นเพราะพิจารณาแล้วว่ามีความน่ากังวลน้อยกว่า สายพันธุ์ที่น่าสนใจ “variant of interest” ซึ่งคาดว่าจะเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นกว่าสายพันธุ์อื่นๆ หรือสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น อย่างเช่น WHO ได้จัดให้โควิดสายพันธุ์ XBB.1.15 เป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจ

...
โควิดอาร์คทูรัสอันตรายกว่าเดิมหรือไม่
ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ขณะนี้ โควิด XBB.1.16 หรืออาร์คทูรัส มีความคล้ายคลึงกับโควิด XBB.1.15 เพียงแต่มีการกลายพันธุ์เพิ่มขึ้น 1 ตำแหน่งที่สไปค์โปรตีน หรือโปรตีนหนามซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่เชื้อไวรัสใช้ในการยึดเกาะกับเซลล์ของมนุษย์
จากผลการศึกษาในห้องแล็บแสดงให้เห็นว่า การที่เชื้อไวรัสโควิดอาร์คทูรัสกลายพันธุ์เพิ่มขึ้น 1 ตำแหน่งที่โปรตีนหนามนี้ทำให้เกิดการติดเชื้อได้เพิ่มขึ้น และศักยภาพในการก่อโรคเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงเชื้อโควิดอาร์คทูรัส สามารถแพร่ระบาดได้เร็วขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่าเชื้อโควิดอาร์คทูรัสจะนำไปสู่การทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงกว่าเดิม
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียวแสดงให้เห็นว่า เชื้อโควิด XBB.1.16 สามารถแพร่ระบาดได้เพิ่มขึ้น 1.27 เท่า เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ XBB.1 และ XBB.1.15 จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าโควิด XBB.1.16 มีศักยภาพจะแพร่ระบาดไปทั่วโลกในอนาคตอันใกล้
'นี่เป็นหนึ่งในเชื้อโควิดที่กำลังถูกจับตา' ดร.มาเรีย ฟาน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของภารกิจโควิด-19 ประจำองค์การอนามัยโลกกล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อ 29 มีนาคม 2566

...
อาการของโควิด XBB.1.16
ตามรายงานทางสถานีโทรทัศน์นิวเดลี ระบุว่า คนติดเชื้อโควิดอาร์คทูรัส อาจมีอาการหลายอย่าง เช่น เจ็บคอ คัดจมูก มีไข้ อ่อนเพลีย ไอ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และไม่สบายท้อง
ในขณะที่มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ติดเชื้อโควิด XBB.1.16 มีอาการเคืองตาและตาแดง ซึ่งเป็นอาการที่ไม่เคยพบมาก่อนในผู้ที่ติดเชื้อโควิดในการระบาดระลอกที่ผ่านๆ มา
อย่างไรก็ตาม WHO ระบุว่า ยังไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่าคนติดเชื้อโควิดอาร์คทูรัสจะมีอาการป่วยรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น หรือมีอาการป่วยหนักจนต้องเข้าห้องไอซียู หรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้น

พบคนติดเชื้อโควิดอาร์คทูรัสแล้วอย่างน้อย 29 ประเทศ
ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกพบคนติดเชื้อโควิดอาร์คทูรัส แล้วอย่างน้อยใน 29 ประเทศ รวมทั้งสิงคโปร์ อินเดีย เนปาล สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และไทย โดยปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ยังพบคนติดเชื้อโควิดอาร์คทูรัส ประมาณ 0.21% ของจำนวนคนติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก แต่หนึ่งเดือนต่อมา เพิ่มขึ้นเป็น 3.96%
...
ขณะที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ (CDC) ของสหรัฐฯคาดว่ามีคนติดโควิด XBB.1.16 ในสหรัฐอเมริกา แล้ว 7.2%ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เมื่อถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 15 เมษายน ที่ผ่านมา

สถานการณ์โควิด-19 ในอินเดีย
ส่วนอินเดีย ตอนนี้กำลังพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อ 13 เมษายน 2566 กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 10,158 ราย โดดพรวดขึ้นมา 30% เมื่อเทียบกับหนึ่งวันก่อนหน้า
โดยเฉพาะพบคนติดโควิด-19 รายใหม่พุ่งสูงในรัฐมหาราษฎระ และกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย จึงทำให้ขณะนี้ มีคนติดเชื้อโควิด-19 ที่แสดงอาการ รวมเป็น 44,998 รายแล้ว
ในขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขอินเดียตรวจพบคนติดเชื้อโควิดอาร์คทูรัสเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ที่อยู่ระดับ 21.6% มาเป็น 35.8% ในเดือนมีนาคม แต่ก็ไม่พบว่ามีคนติดเชื้อโควิดอาร์คทูรัสต้องเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
เรียกว่า การระบาดของโควิด XBB.1.16 กำลังถูกเฝ้าจับตาจากทั่วโลก ในขณะที่ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ คาดการณ์กันว่า โควิด XBB.1.16 นั้นมาแน่ แถมยังเป็นตัวเต็งที่จะครองโลกในอนาคตอันใกล้แน่นอน
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์
ที่มา : washingtonpost, CNA