ผู้ประท้วงชาวเซิร์บในโคโซโวยอมรื้อสิ่งกีดขวางที่พวกเขานำมาปิดถนนข้ามเขตแดนเชื่อมกับเซอร์เบียแล้ว หลังประธานาธิบดีเซอร์เบียมาเจรจาด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงชาวเซอร์เบียยอมรื้อสิ่งกีดขวางที่พวกเขานำมากั้นถนนสายหลักสำหรับข้ามเขตแดนเซอร์เบียร์กับโคโซโวแล้ว ในวันพฤหัสบดีที่ 29 ธ.ค. 2565 หลังจากพวกเขาได้เข้าพูดคุยกับนายอเลกซานเดอร์ วูซิช ประธานาธิบดีเซอร์เบียเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

โคโซโวซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์แอลเบเนีย ประกาศแยกตัวจากเซอร์เบียหลังสงครามในปี 2541-2542 และประกาศเป็นเอกราชแต่ฝ่ายเดียวในปี 2551 โดยที่เซอร์เบียไม่เคยยอมรับ ทำให้ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายคุกรุ่นมาตลอด

แต่ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเซิร์บ คนกลุ่มน้อยในโคโซโว ถอนความร่วมมือกับทั้งหมดกับรัฐบาลโคโซโว โดยมีชนวนเหตุจากนโยบายป้ายทะเบียนรถยนต์ ซึ่งรัฐบาลพริสตินาเรียกร้องให้กลุ่มชาติพันธุ์เซิร์บเลิกใช้ป้ายทะเบียนที่ออกโดยรัฐบาลเซอร์เบีย และไปใช้ของพวกเขาแทน

อย่างไรก็ตาม มีผู้ปฏิบัติตามเพียงไม่กี่คนเท่านั้นก่อนที่เส้นตายที่โคโซโวขีดไว้จะหมดลง รัฐบาลพริสตินาจึงวางแผนลงโทษด้วยการปรับเงิน แต่กลับกระตุ้นให้เกิดการลาออกครั้งใหญ่ของชาวเซิร์บในทุกสถาบันแห่งชาติของโคโซโว เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมถึงตำรวจมากกว่า 600 นาย

ต่อมาในวันที่ 10 ธ.ค. นายเดยัน ปานติช อดีตตำรวจชาวเซิร์บในโคโซโว ถูกจับกุมข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่โคโซโว ทำให้ความตึงเครียดสูงขึ้นอีกครั้ง มีการประท้วงครั้งใหญ่นำไปสู่การตั้งสิ่งกีดขวางปิดถนนหลายสายในภาคเหนือของโคโซโว

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เซอร์เบียต้องสั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมต่อสู้ระดับสูงสุด หลังพบว่าสถานการณ์ในภาคเหนือของโคโซโวเริ่มจะหลุดจากการควบคุม ด้านฝ่ายโคโซโวระบุว่า ในคืนวันอังคารผู้ประท้วงหลายสิบคนจากฝั่งเซอร์เบีย นำรถบรรทุกและรถแทรกเตอร์หลายคนไปปิดถนนมุ่งสู่ด่าน เมอร์ดาเร ซึ่งเป็นทางข้ามเขตแดนใหญ่ที่สุด ส่งผลให้ตำรวจต้องปิดด่านดังกล่าวในวันต่อมา

...

ทั้งนี้ การตัดสินใจรื้อสิ่งกีดขวางจะช่วยยุติการปิดกั้นถนนที่ดำเนินมานาน 19 วัน และผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ประธานาธิบดีวูซิชเตือนว่า ความไม่เชื่อใจกันระหว่างชนกลุ่มน้อยชาวเซอร์เบียกับชนกลุ่มใหญ่ชาวแอลเบเนียในโคโซโวยังคงสูง ขณะที่การรื้อสิ่งกีดขวางอาจใช้เวลาหลายวัน

ที่มา : aljazeera , bbc