ถ้าจะถามว่า “ความทุกข์” ของผู้คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยเราด้วย ณ นาทีนี้ คืออะไร? ผมก็เชื่อเหลือเกินว่า ทุกๆคนจะตอบเหมือนๆ กันว่า...เรามีความทุกข์ และกังวลใจมากๆอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน
เรื่องแรกก็คือความทุกข์ “ด้านเศรษฐกิจ” ที่กำลังอยู่ในภาวะถดถอยไปจนถึงตกต่ำบ้างแล้วในบางประเทศ อันเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
คงจะจำกันได้ว่าการปิดประเทศ การระงับการเดินทางและการค้าขายต่างๆ ได้ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นในหลายๆประเทศ
ประเทศไทยของเราก็สะบักสะบอมไปพอสมควร
ต่อมาหลายๆประเทศก็เกิดปัญหา “เงินเฟ้อ” สูงมากระหน่ำซ้ำเติมเข้าให้อีก โดยเฉพาะประเทศร่ำรวยอย่างสหรัฐฯและยุโรป ทำให้ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยมาตรฐานกันเป็นแถวๆ
คาดกันว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากบ้างน้อยบ้าง อันหมายถึง ว่าจะต้องมีคนตกงาน...รายได้ลดลง...สินค้าหลายชนิดขายไม่ออก ฯลฯ ตามมา
ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจถดถอยจึงเป็นประเด็นแรกที่ผู้คนทั้งโลกพูดถึงและห่วงใย รวมทั้งในประเทศไทยของเราด้วยเช่นกัน
สำหรับความทุกข์ประการที่ 2 นั้น ในความเห็นของผมค่อนข้างทุกข์และวิตกมากกว่าประการแรกเสียอีก...ได้แก่ ความกังวลว่า “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” จะบานปลาย
ได้ยินข่าวว่ารัสเซียจะระดมเกณฑ์ทหารใหม่อีก 300,000 คน เพื่อเตรียมเอาไว้ป้องกันประเทศ ผมก็รู้สึกใจแป้ว เพราะไม่แน่ใจว่าการ “ป้องกัน” ของท่านประธานาธิบดี ปูติน มีขอบข่ายแค่ไหน? และอย่างไร?
หากการระดมกำลังอีก 3 แสนของรัสเซีย หมายถึงจะลุยเข้าไปใหม่ ก็แปลว่าสงครามจะบานปลายแน่นอน
มิหนำซ้ำ ประธานาธิบดีปูตินยังกล่าวด้วยว่าในการป้องกันตัวเองระลอกนี้ หากจำเป็นก็อาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วย
...
อ่านข่าวแล้วก็สะดุ้งโหยงเกิดความวิตกกังวลล่วงหน้า กินไม่ได้ นอนไม่หลับอยู่หลายวัน
แม้ล่าสุดจะมีข่าวว่าหนุ่มฉกรรจ์จำนวนมากที่หวาดกลัวว่าจะถูกเกณฑ์ทหาร แห่เดินทางไปชายแดนหลังหลบหนีเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีการชุมนุมประท้วงอย่างกว้างขวางในหลายๆเมืองใหญ่
แต่ทางการรัสเซียก็ตามไปจับกุมผู้หลบหนีและผู้ประท้วงไปดำเนินคดีแล้วหลายร้อยราย แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังในการเกณฑ์ทหารใหม่ครั้งนี้อย่างมาก
หันไปดูทางด้านสหรัฐฯบ้าง...พบว่าท่านประธานาธิบดี ไบเดน ก็แข็งกร้าวอย่าบอกใครเชียว...ผมดูถ่ายทอดสดขณะที่ท่านกล่าวปราศรัยที่สหประชาชาติแบบว่าร่ายกลอนสดโดยแทบไม่ดูบท ยืนยันจะปกป้องยูเครนเต็มที่ในทุกรูปแบบ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นอีก
ท่านพูดด้วยสีหน้าสีตาที่แสดงความจริงจัง และด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและแข็งกร้าวมากๆอยู่ในที
เห็นภาพเหล่านี้แล้วก็กลายเป็นความทุกข์ประการที่ 2 ของผม และดูจะหนักหนาสาหัสกว่าทุกข์แรกเสียด้วยซ้ำอย่างที่ว่า
ก็ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้เรากำลังอยู่ในเทศกาลกินเจ และก่อนกินเจเราก็มักจะอธิษฐานขอพรโน่นนี่จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระโพธิสัตว์ที่คนไทยและคนจีนนับถือ
ผมเองเรียนแล้วว่าไม่ได้กินเจกับเขาด้วย แต่ก็ชอบที่จะอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอๆ เวลาสวดมนต์ไหว้พระในทุกๆเทศกาล
รวมทั้งแอบอธิษฐานไปแล้วเมื่อวานนี้เอง หลังจากอ่านข่าวข้างต้นนี้จบลง โดยวิงวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงบันดาลให้ทั้งท่าน ปูติน และท่าน ไบเดน จงใจเย็นใช้สติ ใช้ปัญญา ไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยเถิด ก่อนที่จะตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใด
ผมเชื่อว่าการตัดสินใจที่จะก่อให้เกิดความวิบัติอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตมนุษย์และบ้านเมืองต่างๆในครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคนเพียงแค่ “2 คน” เท่านั้น คือท่านประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียนั่นแหละ
จึงได้อธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงช่วยดลบันดาลให้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 ท่านนี้ จงใช้ “สติ” ใช้ “ปัญญา” ไตร่ตรองให้รอบคอบรอบด้านและ ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างถึงที่สุด ก่อนจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งลงไป
ที่สำคัญถ้าเลิกรบกันได้ก็จะขอบคุณท่านทั้ง 2 เป็นที่สุด...ชาวโลกจะได้ไม่ต้องมานั่งหวาดเสียวว่าจะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์หรือไม่อย่างใด
เรียนท่านตรงๆว่าขณะนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ผมก็ยังเสียวๆอยู่เลยนะครับ ท่านปูตินครับ.
“ซูม”