พลเมืองของนครเซี่ยงไฮ้บางส่วน เตรียมนับถอยหลังกลับไปใช้ชีวิตปกติ หลังทางการประกาศคลายมาตรการคุมเข้ม และจะยุติการล็อกดาวน์ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันนี้เป็นต้นไป


เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีนเริ่มรื้อรั้วกั้นพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งเทปกันพื้นที่สาธารณะต่างๆ ของตำรวจออกไป หลังจากเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ประกาศแผนการผ่อนปรนการควบคุมการเข้าออกย่านอาคารที่อยู่อาศัย การกลับมาให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ และการผ่อนปรนกฎระเบียบการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลบนท้องถนนได้ ซึ่งจะครอบคลุมประชากรราว 22.5 ล้านคน แต่ยังคงยกเว้นผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงปานกลางและพื้นที่เสี่ยงสูง รวมถึงพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การจำกัดโรคโควิด-19 โดยกฎเกณฑ์ใหม่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธที่ 1 มิ.ย. หลังจากที่เซี่ยงไฮ้ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์มานานถึง 2 เดือน จนสามารถควบคุมสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยนับตั้งแต่ช่วงเย็นวันจันทร์ ประชาชนบางส่วนได้รับอนุญาตให้ออกจากที่พักเพื่อออกไปซื้อของกินของใช้ในละแวกใกล้เคียงในช่วงเวลาสั้นๆ ได้แล้ว นอกจากนี้เซี่ยงไฮ้ยังจะกลับมาให้บริการระบบขนส่งสาธารณะหลัก ซึ่งครอบคลุมรถประจำทาง การขนส่งทางราง และเรือข้ามฟากในเมือง เช่นเดียวกับรถแท็กซี่และบริการเรียกรถรับส่งทางออนไลน์จะกลับมาดำเนินธุรกิจ ขณะรถยนต์ส่วนบุคคลจะได้รับอนุญาตวิ่งบนท้องถนน แต่ยังคงให้ประชาชนสวมหน้ากากต่อไป และหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันโดยไม่จำเป็น และจะยังคงมีการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ของประชาชนทุกๆ 72 ชั่วโมงก่อนที่จะเข้าไปใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ส่วนการทานอาหารในร้านอาหารยังคงเป็นข้อห้าม ร้านค้าต่างๆ จะเปิดขายของโดยรองรับลูกค้าได้เพียง 75 เปอร์เซ็นต์ ส่วนโรงยิมต่างๆ ยังคงปิดบริการไปก่อน

...

ทั้งนี้ การใช้มาตรการเข้มงวดของเซี่ยงไฮ้ที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่เดือดร้อนจากการขาดแคลนอาหาร และยารักษาโรค รวมทั้งกระทบต่อรายได้และเศรษฐกิจหลายแขนง จนเกิดการประท้วงและมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกโซเชียล แต่ทางการก็ยังคงดำเนินมาตรการคุมเข้มต่อไปเพื่อเร่งควบคุมการระบาดตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไป.