• ทั่วโลกจับตาไวรัสโควิด-19 โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 หลังพบว่ามันเริ่มแพร่กระจายไปในหลายประเทศมากขึ้น หลังจากค้นพบครั้งแรกเพียง 3 เดือน

  • นักวิทยาศาสตร์หลายคนขนานนามเชื้อสายพันธุ์ย่อยชนิดนี้ว่า โอมิครอนล่องหน เนื่องจากมันมียีนที่ทำให้การตรวจโรคด้วยวิธีต่างๆ สามารถจำแนกว่ามันเป็นเชื้อโอมิครอนได้ยากขึ้น

  • ตอนนี้โอมิครอน BA.2 แพร่กระจายไปใน 40 ประเทศเป็นอย่างน้อยแล้ว แม้ส่วนใหญ่จะยังพบผู้ติดเชื้อจำนวนน้อย แต่บางประเทศอย่างเดนมาร์กมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จนเกือบเท่าสายพันธุ์ดั้งเดิมแล้ว

การระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ใกล้จะเข้าสู่ปีที่ 3 มนุษย์กำลังพยายามปรับตัวอย่างหนักเพื่อรับมือกับเชื้อมรณะตัวนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 5.63 ล้านศพ โดยคิดค้นทั้งวัคซีนชนิดใหม่, การรักษาแบบใหม่ และใช้มาตรการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ แต่การกลายพันธุ์อย่างไม่หยุดยั้งทำให้การต่อสู้กับไวรัสมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ

หลังการกำเนิดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่ติดต่อได้อย่างรวดเร็ว และสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายยิ่งกว่า ล่าสุดโอมิครอนได้ให้กำเนิดทายาทของมัน เป็นสายพันธุ์ย่อยที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า BA.2 และมันก็ได้รับการจับตามองจากนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกเกือบจะในทันที

นักวิทยาศาสตร์หลายคนพบว่า เจ้า BA.2 ถูกจำแนกด้วยการตรวจเชื้อวิธีต่างๆ ได้ยากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมของมัน จนมันได้รับสมญานามว่า ‘โอมิครอนล่องหน’ โดยในปัจจุบัน มันถูกพบใน 40 ประเทศทั่วโลกแล้วเป็นอย่างน้อย และมีบางพื้นที่ที่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า BA.2 อาจติดต่อได้ง่ายกว่าโอมิครอนดั้งเดิมเสียอีก แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน

แม้ว่าตอนนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่จัดให้ BA.2 เป็นเชื้อสายพันธุ์ที่น่ากังวล แต่การแพร่กระจายที่เพิ่มขึ้นของมันก็ทำให้พวกเขาต้องออกมาเรียกร้องว่าหน่วยงานต่างๆ ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณลักษณะของไวรัสชนิดนี้เป็นอันดับแรก โดยเฉพาะในคุณสมบัติการหลบภูมิคุ้มกันและการติดเชื้อ เพื่อหาว่า BA.2 จะอันตรายกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมหรือไม่

...

*BA.2 พบแล้วใน 40 ประเทศ

ในทางเทคนิคแล้ว BA.2 เป็นทายาทของโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิมคือ BA.1 ถูกตรวจพบเป็นครั้งแรกในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนปีก่อนที่ประเทศฟิลิปปินส์ และตอนนี้มันลุกลามไปไม่น้อยกว่า 40 ประเทศแล้ว โดยมีการส่งตัวอย่างลำดับพันธุกรรมให้ฐานข้อมูล GISAID เกือบ 15,000 รายการ

BA.2 กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบางประเทศแถบเอเชียและยุโรป โดยเฉพาะที่เดนมาร์กซึ่งส่งตัวอย่างลำดับพันธุกรรมไปแล้วมากกว่า 6,400 รายการ ขณะที่มีผู้ติดเชื้อ BA.2 คิดเป็น 45% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่พบในช่วงกลางเดือนมกราคม เพิ่มจากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่มีอัตราส่วนเพียง 20%

ประเทศที่พบ BA.2 มากรองลงมาจากเดนมาร์ก ได้แก่ อินเดีย, สวีเดน และสิงคโปร์ ส่วนที่สหรัฐฯ ก็พบผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 100 ราย

*ถูกขนานนาม “สายพันธุ์ล่องหน”

ตามรายงานของวอชิงตัน โพสต์ นักวิทยาศาสตร์บางคนขนานนามเชื้อ BA.2 ว่าเป็น ‘โอมิครอนล่องหน’ (stealth Omicron) โดยอ้างว่ามันมีลักษณะทางพันธุกรรมบางจุดที่ทำให้การระบุสายพันธุ์ด้วยวิธีตรวจเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะการหาปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรส (PCR) ยากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม

สำนักงานความมั่นคงสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) อธิบายว่า เมื่อโอมิครอนตัวดั้งเดิมปรากฏในการตรวจ PCR มันจะถูกระบุสายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ เนื่องจากมีการหลุดหายของโครโมโซมหรือดีเอ็นเอ (genetic deletion) บริเวณโปรตีนหนามของไวรัส แต่ BA.2 ไม่มีการหลุดหายดังกล่าว ทำให้การระบุว่าเป็นเชื้อโอมิครอนทำได้ยากขึ้น

เนื่องจากคุณสมบัติดังกล่าวไม่ได้หมายความว่า BA.2 สามารถหลบการตรวจหาเชื้อได้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์บางคนอย่าง ศ.แกรี วิตเทคเกอร์ ศาสตราจารย์ภาควิชาไวรัสวิทยาจากมหาวิทยาลัยคอร์เนล คิดว่าการเรียกมันว่า โอมิครอนล่องหน เป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล

ขณะที่ ดร.จอห์น เซลลิก นักระบาดวิทยาและศาสตราจารย์ด้านเวชกรรมจากมหาวิทยาลัยบัฟฟาโลในนิวยอร์ก ระบุว่า ชื่อเล่นนี้อาจมีประโยชน์ในการจำลองสถานการณ์ในห้องทดลอง แต่ในด้านความหมายทางคลินิก มันไม่ได้เป็นผลลัพธ์การตรวจพบโควิด-19 และการรักษาที่คุณจะได้รับ

...

*อาจติดต่อง่ายขึ้น

มีการกลายพันธุ์หลายจุด โดยประมาณ 20 จุดในจำนวนนี้อยู่ที่โปรตีนหนามที่ยื่นออกมานอกตัวไวรัสเหมือนกับโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่ก็มีการกลายพันธุ์อีกหลังตำแหน่งที่ไม่เคยพบในสายพันธุ์ก่อนๆ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการกลายพันธุ์เหล่านั้นจะมีนัยสำคัญอย่างไร

แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังเริ่มพบเบาะแสที่อาจชี้ว่า BA.2 ติดต่อง่ายกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม โดย ดร.เวสลีย์ ลอง นักพยาธิวิทยาจากโรงพยาบาลฮุสตัน เมโธดิสต์ ในรัฐเทกซัส กล่าวว่า “เรามีข้อบ่งชี้บางอย่างว่ามันอาจติดต่อได้เทียบเท่าหรืออาจจะมากกว่าโอมิครอนดั้งเดิมเล็กน้อย เนื่องจากการติดต่อของมันในบางพื้นที่สามารถขับเคี่ยวกับสายพันธุ์ดั้งเดิมได้”

ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นของนักวิทยาศาสตร์ในเดนมาร์กแสดงให้เห็นว่า โอมิครอนดั้งเดิมกับ BA.2 ไม่มีความแตกต่างในเรื่องการทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยเข้าโรงพยาบาล และตอนนี้พวกเขากำลังตรวจสอบความสามารถในการติดต่อของไวรัสเวอร์ชันนี้ และหาคำตอบว่า วัคซีนในปัจจุบันสามารถรับมือกับมันได้ดีเพียงใด

อีกเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์กำลังหาคำตอบคือ ภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม สามารถป้องกันการติดเชื้อ BA.2 ได้หรือไม่ โดยพวกเขาหวังว่า อย่างน้อยมันจะสามารถลดโอกาสการป่วยหนักได้

...

*ยังไม่เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล

องค์การอนามัยโลกจัดให้ไวรัสโควิด-19 โอมิครอน เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล แต่ยังไม่เจาะจงถึงสายพันธุ์ย่อยอย่าง BA.2 แต่หลังจากไวรัสชนิดนี้ถูกพบมากขึ้นในบางประเทศ ทำให้ WHO ระบุว่า การตรวจสอบ BA.2 ควรได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก

ขณะที่สำนักงานความมั่นคงสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร จัดให้ BA.2 เป็นสายพันธุ์ที่อยู่ภายใต้การตรวจสอบ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ แต่ BA.1 หรือเชื้อดั้งเดิม ยังเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาดในประเทศ

ด้านโฆษกของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ระบุว่า BA.2 ยังคงเป็นสายพันธุ์ที่มีโอกาสแพร่กระจายในสหรัฐฯ และทั่วโลกต่ำ พร้อมยืนยันว่า จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่า BA.2 ติดต่อง่ายกว่าหรือมีจุดที่อันตรายกว่า BA.1 หรือไม่ ซึ่งพวกเขาจะตามสังเกตการณ์ไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ที่แพร่กระจายทั้งในและต่างประเทศต่อไป




ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : democratandchroniclehealth