ฝรั่งเศสประกาศยกระดับมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ช่วงหลังปีใหม่ หลังเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ทำยอดป่วยรายวันพุ่งทะลุหลักแสน และจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก 2 วัน

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 64 นายฌอง คาสเท็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส แถลงเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ ระบุว่า โควิด-19 เหมือน "หนังที่ไม่มีตอนจบ" และรัฐบาลมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ที่ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเมื่อวันเสาร์ ที่ 25 ธ.ค. ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 100,000 ราย และจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 9.14 ล้านราย ส่งผลให้รัฐบาลต้องมีการกำหนดมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2565 เป็นต้นไป 

นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรีเพื่อหารือสถานการณ์วิกฤติว่า ภายใต้มาตรการที่เข้มงวด จะมีการใช้ข้อบังคับให้ประชาชนทำงานอยู่ที่บ้านแทนการออกไปสำนักงานหากสามารถทำได้ หรือทำงานอยู่ที่บ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน และจำกัดการชุมนุมสาธารณะในที่สถานที่ปิดให้รวมตัวกันได้ไม่เกิน 2,000 คน สำหรับสถานที่เปิด บริเวณที่โล่งด้านนอกอาคาร จำกัดไว้ที่ไม่เกิน 5,000 คน

...

ด้านนายโอลิวิเยร์ วีราน รัฐมนตรีสาธารณสุข ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในทุก 2 วัน พร้อมเตือนให้ทุกฝ่ายรับมือจำนวนผู้ติดเชื้อที่จะเพิ่มขึ้นอีกแบบคลื่นยักษ์ 

ภายใต้มาตรการคุมเข้มโควิดที่จะบังคับใช้ จะห้ามประชาชนดื่มหรือรับประทานอาหารบนยานพาหนะที่อยู่ระหว่างเดินทางไกล ในส่วนของไนต์คลับจะยังต้องปิดให้บริการไปก่อนจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สำหรับคาเฟ่ และบาร์ จะสามารถให้บริการนั่งกินที่ร้านได้ ในขณะที่การสวมใส่หน้ากากอนามัย เป็นข้อบังคับสำหรับการเข้าไปเขตใจกลางเมือง

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังร่นระยะห่างระหว่างวัคซีนเข็มบูสเตอร์มาอยู่ที่ 3 เดือนจากเดิมกำหนดไว้ที่ 4 เดือน สำหรับการแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนและผลตรวจโควิดเป็นลบ เมื่อเข้าสถานที่สาธารณะ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 ม.ค. 65 เป็นต้นไป หากสภาผ่านร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอไป.