ผลวิจัยใหม่ในสหรัฐฯ พบวัคซีนโควิด-19 ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซิโนฟาร์มและสปุตนิก วี ประสิทธิภาพวูบเมื่อเจอโควิดโอมิครอน ส่วนวัคซีนโมเดอร์นา แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ ยังพอสู้ได้
เมื่อ 18 ธ.ค. 64 เว็บไซต์แชนเนลนิวส์เอเชียรายงานผลการศึกษาวิจัยใหม่ในสหรัฐฯ โดยนักวิจัยที่ Humabs Biomed SA ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Vir Biotechnology และมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในสหรัฐฯ พบว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson&Johnson) ในสหรัฐฯ รวมทั้งวัคซีน ซิโนฟาร์ม จากจีนและสปุตนิกวี (Sputnik V) ของรัสเซีย ประสิทธิภาพลดวูบ ไม่มีภูมิคุ้มกัน 'neutralizing activity' ในการต่อสู้กับเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน
ในขณะที่วัคซีนโมเดอร์นา แอสตราเซเนกา และไฟเนอร์ สามารถสู้กับเชื้อโควิดโอมิครอนได้ ทว่าแอนติบอดีในการต่อสู้กับโควิดโอมิครอนลดลงไปมาก เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ของจีน
นอกจากนั้น ผลการศึกษาวิจัยในครั้งนี้ ซึ่งยังไม่ได้เพียร์ รีวิว หรือยังไม่ได้ถูกตรวจทานจากผู้ทรงคุณวุฒิ ยังพบว่าประสิทธิภาพของยาแอนติบอดี ไซโตรวิแมบ รักษาโควิดที่พัฒนาโดยบริษัทยาในอังกฤษ แกล็กโซสมิทไคลน์ หรือ GSK ร่วมกับบริษัทเวอร์ ไบโอเทคโนโลยี ก็ลดลงไป 3 เท่า เมื่อเทียบกับโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม ส่วนยาแอนติบอดี ที่พัฒนาโดยบริษัท รีเจเนรอน (RegeneronXและบริษัทอีไล ลิลลี่ (Eli Lilly) ไม่มี neutralizing ในการสู้กับเชื้อโอมิครอนเลย
ทั้งนี้ การอุบัติขึ้นของเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน ซึ่งเกิดการกลายพันธุ์ถึง 50 ตำแหน่ง มากที่สุดเท่าที่นักวิทย์เคยพบเห็นและนักวิจัยในแอฟริกาใต้ตรวจพบครั้งแรกและรายต่อองค์การอนามัยโลกเมื่อ 24 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น ได้สร้างความกังวลใจให้แก่นักวิทย์ทั่วโลก เนื่องจากกังวลว่าเชื้อโควิดโอมิครอนจะสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันในร่างกายจากการฉีดวัคซีนได้ดี ในขณะที่ตอนนี้เชื้อโอมิครอนได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังกว่า 80 ประเทศทั่วโลกแล้ว
...