- โควิดกลายพันธุ์สุดสยองจากแอฟริกา อุบัติขึ้นแล้ว พบมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมมากที่สุดเท่าที่นักวิทย์เคยพบเคยเห็นมา WHO ตั้งชื่อ 'โอไมครอน' จัดเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลทันที
- โควิดโอไมครอน สุดสะพรึง นานาประเทศปิดพรมแดน ระงับเที่ยวบิน ห้ามคนเดินทางจากหลายชาติในแอฟริกาเข้าประเทศ
- สายเกินไปไหม? ปิดพรมแดนสกัดโควิดโอไมครอน เพราะหญิงสาวติดเชื้อรายแรกในยุโรป ไม่เคยเยือนแอฟริกา แต่ไปเที่ยวตุรกีและอียิปต์
และแล้วคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญในสหภาพยุโรปเมื่อสัปดาห์ก่อน ให้ระวังเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ระบาดทั่วโลก ก็กำลังเป็นจริง!! เมื่อในที่สุดได้มีเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดการกลายพันธุ์มากที่สุด อุบัติขึ้นในทวีปแอฟริกา จนถูกขนานนามให้เป็น 'เชื้อโควิด-19 ซุปเปอร์กลายพันธุ์' สุดอันตราย เพราะมันมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมนับ 50 ตำแหน่ง มากที่สุดเท่าที่นักวิทย์เคยพบเคยเห็น
โควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ถูกตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า B.1.1.529 และองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ตั้งชื่อเรียกโดยใช้ภาษากรีก ว่า 'โอไมครอน' (Omicron) เมื่อวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. พร้อมกับจัดให้เป็น 'เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่น่ากังวล' ลำดับที่ 5 ต่อจากสายพันธุ์ อัลฟา, เบตา, แกมมา และเดลตา

...
โลกช็อกอีก โควิดโอไมครอน อุบัติที่แอฟริกา
ท่ามกลางการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในหลายประเทศของยุโรป โดยเฉพาะ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย ที่หวนกลับมาพุ่งทะยานอย่างน่าหวั่นวิตก มีข่าวร้ายที่ได้รับการแจ้งเตือนเป็นครั้งแรกจากนักวิทย์ในอังกฤษที่ส่งสัญญาณเตือนให้ระวังเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529
ศาสตราจารย์ Francois Balloux นักพันธุศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอนในอังกฤษ ชี้ว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ดูเหมือนอุบัติขึ้นจากการติดเชื้อแบบอ้อยอิ่งในผู้ป่วยคนหนึ่งในบอตสวานา ประเทศในทวีปแอฟริกา ที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งบางทีผู้ป่วยรายนี้อาจไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเอดส์
ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาในอังกฤษ ยังชี้ว่า เชื้อโควิด B.1.1.529 หรือโอไมครอน เกิดการกลายพันธุ์มากที่สุดเท่าที่นักวิทย์เคยพบเคยเห็น โดยมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมมากถึง 50 ตำแหน่ง ซึ่งในจำนวนนี้ 32 ตำแหน่ง เกิดการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนาม หรือสไปค์ โปรตีน ที่ใช้ในการจับกับตัวรับ (receptor) ในเซลล์ร่างกายของมนุษย์ และเข้าสู่กระบวนการติดเชื้อ

ยกให้เป็นเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์อย่างน่าสยอง
ตามรายงานของเดลี่เมล ระบุว่า เชื้อโควิดโอไมครอนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่สำคัญมากถึง 50 ตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้นักวิทย์พบว่ามันได้มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม ดังนี้
-นิวคลิโอแคปซิด โปรตีน เกิดการกลายพันธุ์ 2 ตำแหน่ง คือตำแหน่ง R203K และ G204R ซึ่งอาจทำให้เชื้อโควิดโอไมครอนติดเชื้อได้ง่ายกว่าเดิม
-สไปค์ โปรตีน หรือโปรตีนหนาม เกิดการกลายพันธุ์ เปลี่ยนแปลงที่สไปค์โปรตีน 32 ตำแหน่ง ซึ่งช่วยให้เชื้อไวรัสมรณะต่อสู้กับภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์จากการฉีดวัคซีน
การกลายพันธุ์ 3 ตำแหน่งที่สไปค์ โปรตีน คือ ตำแหน่ง H655Y, N679K, P681H ช่วยให้ไวรัสหลบหลีกเข้าสู่เซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้ง่ายมากขึ้น
-Membrane Protein (เมมเบรน โปรตีน) การกลายพันธุ์ที่ในตำแหน่ง NSP6 ได้หายไป อาจช่วยทำให้เชื้อไวรัสติดเชื้อง่ายมากขึ้น
ขณะนี้บรรดานักวิทย์ทั่วโลกกำลังวิจัยติดตามความร้ายกาจของเชื้อโควิดโอไมครอน โดยเฉพาะ 1.มันจะสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์จากการได้รับวัคซีนได้มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ มากน้อยเพียงใด 2.เชื้อโควิดโอไมครอนจะแพร่กระจายติดเชื้อง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นมากขนาดไหน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่เป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดทั่วโลกในเวลานี้ และ 3.เชื้อโควิดโอไมครอนจะทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการป่วยรุนแรงมากกว่าเดิมหรือไม่

...
สายเกินไปไหม? ระงับเที่ยวบินจากแอฟริกา สกัดโควิดโอไมครอน
หลังจากบรรดานักวิทย์ทั่วโลกส่งสัญญาณเตือนเชื้อโควิดโอไมครอน ที่มีรายงานเมื่อ 25 พ.ย. ว่า พบผู้ติดเชื้อในแอฟริกาใต้ ฮ่องกง และบอตสวานาแล้ว แม้จำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในหลักสิบ ทว่าแอฟริกาใต้กำลังเผชิญกับการพบผู้ติดเชื้อแบบทวีคูณ จนทำให้นานาประเทศทั่วโลกออกมาตรการด่วน ทั้งสั่งระงับเที่ยวบินจาก 6-9 ประเทศจากแอฟริกา ซึ่งมีพรมแดนติดกับบอตสวานา ไปจนถึงห้ามผู้ที่เดินทางจากประเทศแอฟริกาเหล่านี้เข้ามาในประเทศ
ทว่าคำถามที่กำลังสร้างความหวั่นวิตกอยู่ในเวลานี้ก็คือ มาตรการปิดพรมแดนสกัดโควิดโอไมครอน ซึ่งมีศูนย์กลางการระบาดอยู่ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก เมืองใหญ่และเมืองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของแอฟริกาใต้จะสามารถสกัดโควิดโอไมครอนได้หรือไม่
เพราะท่ามกลางประกาศคำสั่งปิดพรมแดน ระงับเที่ยวบินจากแอฟริกาฯ เป็นการเร่งด่วนนั้น ได้มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนรายแรกที่เบลเยียม ซึ่งถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่สุดอันตรายรายแรกในยุโรป ก่อนต่อมาหลายประเทศ อาทิ อิสราเอล สหราชอาณาจักร เยอรมนี อิตาลี แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนในประเทศแล้ว ซึ่งผู้ที่ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ ส่วนใหญ่คือเดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ และบางประเทศในทวีปแอฟริกา ในช่วงราว 20-24 พ.ย.ที่ผ่านมา

...
ทว่าสิ่งที่น่าวิตกในขณะนี้ก็คือ การย้อนกลับไปดูประวัติการเดินทางของผู้ติดเชื้อโควิดโอไมครอนรายแรกในเบลเยียมนั้นปรากฏว่า เป็นหญิงสาวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งพบว่าติดเชื้อขณะเดินทางไปเที่ยวตุรกีและอียิปต์ และไม่ได้ไปเยือนประเทศแอฟริกาใต้แต่อย่างใด
ในขณะที่ เนเธอร์แลนด์พบผู้โดยสารอย่างน้อย 61 คน จากจำนวน 600 คน ที่เดินทางกลับจากแอฟริกาใต้ โดยเครื่องบินโดยสาร 2 เที่ยว ติดเชื้อโควิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และกำลังรอผลตรวจเชื้อว่าเป็นเชื้อโควิดโอไมครอนหรือไม่
คำถามที่เกิดขึ้น คือ ผู้โดยสารที่ติดเชื้อโควิด-19 อย่างน้อย 61 ราย หรือราว 10% ของจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางออกจากแอฟริกาใต้ในสองเที่ยวบินนั้น ได้รับการตรวจเชื้อแบบ PCR 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสคิปโฮลใกล้กรุงอัมสเตอร์ดัม และผลออกมาว่าเป็นลบ หรือ Negative อีกทั้งการตรวจ Swab แบบ ATK 24 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับ ผลก็ออกมาว่าเป็นลบ!!
เรียกว่า การอุบัติขึ้นของเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่สุดอันตรายกำลังเขย่าโลกอีกครั้ง ก่อให้เกิดความกังวลอย่างหนักแก่บรรดาผู้เชี่ยวชาญ นักวิทย์ และผู้คนทั่วโลก ซึ่งต้องตกอยู่ในสถานะ 'ตั้งรับ' ในสงครามเชื้อโรค ที่สู้ยืดเยื้อกันมานานกว่า 2 ปี เมื่อต้องมาเจอกับไวรัสวายร้ายตัวใหม่ที่ชื่อ 'โอไมครอน'.
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์
ที่มา : Dailymail