- ครอบครัวของเด็กหญิง คลีโอ สมิธ วัย 4 ขวบ พาเธอกับน้องสาวไปเที่ยวตั้งแคมป์เป็นครั้งแรกในเมืองชายฝั่งทางตะวันตกของออสเตรเลีย แต่หลังจากคืนแรกผ่านไป คลีโอ กลับหายจากเต็นท์ไปอย่างไร้ร่องรอย
- ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และอาสาสมัครกว่า 100 นาย ออกปฏิบัติการค้นหาเด็กหญิงที่หายตัวไป ท่ามกลางข้อมูลมากมายที่พวกเขาได้รับมาจากสังคม ทำให้การค้นหาครั้งนี้ เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
- หลังจากผ่านไปนานกว่า 2 สัปดาห์ ตำรวจได้รับเบาะแสสำคัญทำให้พวกเขาสามารถปะติดปะต่อข้อมูลต่างๆ จนนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กหญิงคลีโอที่บ้านหลังหนึ่ง และจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้สำเร็จ
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลีย บุกเข้าไปภายในบ้านหลังหนึ่ง ในเมืองคาร์นาร์วอน ทางตะวันตกของประเทศ และพบเด็กหญิงวัย 4 ขวบซึ่งหายตัวไปนานถึง 18 วัน ยังมีชีวิตอยู่และสุขภาพแข็งแรง กลายเป็นข่าวที่สร้างความยินดีไปทั่วทั้งแดนจิงโจ้ และทั่วโลก
เด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่า คลีโอ สมิธ เธอหายตัวไปจากเต็นท์ของครอบครัวที่ลานตั้งแคมป์ไม่ไกลจากเมืองคาร์นาร์วอน ตั้งแต่เมื่อ 16 ต.ค. ทำให้เกิดปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่ ท่ามกลางหลักฐานและเบาะแสมากมายที่ทำให้การค้นหาครั้งนี้ เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
ในเบื้องต้น ตำรวจพบเรื่องน่าสงสัยบางประการทำให้พวกเขาเชื่อว่า คดีนี้อาจเป็นการลักพาตัว ก่อนจะขยายขอบเขตการค้นหา จนนำไปสู่การพบตัวเด็กหญิงคลีโอ และการจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้สำเร็จ แต่พวกเขาทำได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นระหว่างการค้นหาบ้าง?
...
คลีโอหายตัวไป
ในวันเสาร์ที่ 15 ต.ค. 2564 เอลลี สมิธ กับแฟนหนุ่ม เจค กลิดดอน พาลูกสาว 2 คนคือ คลีโอ กับ อิสลา ไปเที่ยวตั้งแคมป์เป็นครั้งแรกที่ลานตั้งแคมป์ ‘ควอบบา โบลว์โฮลส์’ ในเมืองแมคเลาด์ รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมติดชายฝั่งที่เรียกว่า โครัล โคสต์ ซึ่งมีชื่อเรื่องวิวทะเลอันสวยงาน, ถ้ำติดทะเล และทะเลสาบ
เรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่คืนแรกของการตั้งแคมป์ ครอบครัวสมิธนอนในเต็นท์ขนาดยักษ์แยกเป็น 2 ห้องด้วยฉากกั้น ด้านหนึ่งคลีโอนอนกับน้องสาวของเธอ ขณะที่เอลลีนอนกับเจค ในเวลาประมาณ 1.30 น. วันที่ 16 ต.ค. คลีโอตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อไปขอน้ำดื่มจากเอลลี ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปนอนต่อ
เอลลีตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาประมาณ 6 นาฬิกา เนื่องจากอิสลาหิวนม เธอจึงเดินไปยังห้องฝั่งของเด็กๆ แต่ต้องพบกับความผิดปกติ เมื่อซิปบนกำแพงเต็นท์ถูกเปิดออก และคลีโอหายตัวไปแล้ว
ราวกับงมเข็มในมหาสมุทร
เอลลีกับเจคช่วยกันออกตามหาลูกสาววัย 4 ขวบในสถานที่ใกล้เคียงแต่ก็ไม่พบ พวกเขาจึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ในเวลา 6.23 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ สน.เมืองคาร์นาร์วอน, ทีมปฏิบัติการโดรน และอาสาสมัครกู้ภัย ต่างถูกส่งมายังที่เกิดเหตุ ก่อนที่ตำรวจจะสั่งปิดลานตั้งแคมป์แห่งนี้ใน 2 ชั่วโมงต่อมา พร้อมทั้งประกาศตามหาคนหาย
เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เวลา 2 วันหลังจากนั้นออกตามหาเบาะแสต่างๆ ที่อาจบอกได้ว่าคลีโอหายไปไหน ตำรวจจากหลายเมือง รวมถึงเมืองเพิร์ธ ซึ่งห่างออกไป 900 กม. ถูกส่งมาสมทบ เฮลิคอปเตอร์, โดรน และเครื่องบินเจ็ตของสำนักงานความปลอดภัยทางทะเล ถูกนำมาใช้ให้การสนับสนุนการค้นหาทางอากาศ ขณะที่นอกชายฝั่งก็มีเรือประมงและเรืออาสา ร่วมออกค้นหา
ในช่วงเวลาดังกล่าว ตำรวจจัดทีมเฉพาะกิจรวมกำลังเจ้าหน้าที่มากกว่า 100 นายออกปฏิบัติการค้นหาครั้งใหญ่ ตามข้อมูลจำนวนมากที่ได้รับจากประชาชน ซึ่งบางจุดอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุนับพันกิโลเมตร พวกเขายังตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามโรงแรมที่พักใกล้เคียงทั้งหมด เช็กถุงขยะหลายร้อยใบตามเส้นถนนระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร ของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย มีการใช้ม้าไปสำรวจเนินทรายที่ยากแก่การเข้าถึง แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสสำคัญใดๆ
จากคดีคนหาย กลายเป็นคดีลักพาตัว
5 วันหลังจากคลีโอหายตัวไป หรือวันพุธที่ 20 ต.ค. ตำรวจยังคงย้ำมาตลอดว่าปฏิบัติการของพวกเขาคือ การค้นหาและช่วยเหลือ แต่ข้อสงสัยหนึ่งทำให้พวกเขาสงสัยมากขึ้นว่านี่อาจเป็นการลักพาตัว ก็คือ ซิปของเต็นท์ที่เปิดออก อยู่สูงเกินกว่าที่คลีโอจะเอื้อมถึง หมายความว่ามีใครบางคนที่ไม่ใช่เธอมาเปิดเต็นท์หรือไม่ แต่ในเวลานั้น เจ้าหน้าที่สืบสวนยังไม่มีผู้ต้องสงสัยในใจ
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ตำรวจดำเนินการระบุตัวและสอบปากคำผู้ที่เคยมีประวัติการกระทำผิดทางเพศมากมายในพื้นที่เมืองคาร์นาร์วอน นอกจากนั้น ยังเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากทุกคนที่อยู่ใน ควอบบา โบลว์โฮลส์ ระหว่างคืนวันศุกร์กับเช้าวันเสาร์ด้วย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่คนร้ายจะออกจากพื้นที่ไปแล้ว
ต่อมาในวันพฤหัสบดี ตำรวจออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่า พวกเขาเชื่อว่าคลีโอถูกใครบางคนนำตัวออกไปจากเต็นท์ และตั้งสารวัตรสืบสวน ร็อด ไวล์ด จากสำนักงานคดีอาชญากรรมร้ายแรง เป็นหัวหน้าเฉพาะกิจดูแลคดีนี้ ขณะที่นายมาร์ก แมคโกแวน นายกรัฐมนตรีรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ประกาศมอบรางวัล 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย แก่ใครก็ตามที่ให้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่ จนนำไปสู่การพบตัวคลีโอ หรือจับกุมผู้ที่เกี่ยวกับการทำให้เธอหายตัวไป
...
รถยนต์ต้องสงสัย
ตำรวจไม่พบเบาะแสเป็นชิ้นเป็นอัน จนกระทั่งในวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค. พวกเขาก็ได้รับข้อมูลที่น่าสนใจจากบุคคล 2 คน ซึ่งขับรถมุ่งหน้าขึ้นเหนือบนทางหลวงชายฝั่งนอร์ทเวสต์เพื่อไปทำงานช่วงเช้ามืดวันเสาร์ที่คลีโอหายตัวไป โดยในขณะที่พวกเขาขับรถผ่านเส้นทางเข้าสู่โบลว์โฮลส์ ในเวลาประมาณ 3.30 น. พวกเขาก็เห็นรถยนต์โดยสาร ลักษณะเหมือนซีดาน หรือวากอน
แต่การสืบสวนหลังจากนั้นกลับไม่มีความคืบหน้า ตำรวจได้รับแจ้งการพบเห็นเด็กหญิงคลีโอหลายร้อยครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดเลยที่เป็นความจริงหรือถูกต้อง พวกเขาต้องเรียกร้องประชาชนให้ตรวจสอบตามโรงเก็บของหรือรถยนต์เก่าของตัวเอง และถึงขั้นไปตรวจค้นที่บ้านของเอลลีกับเจค โดยระบุว่า เป็นไปตามมาตรการของการสืบสวน เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่า มีใครสะกดรอยตามคลีโอก่อนที่เธอจะหายตัวไป
เวลาผ่านไปอีก 1 สัปดาห์ โดยที่ยังไม่พบตัวคลีโอ ไม่มีผู้ต้องสงสัย และคนขับรถต้องสงสัยที่ถูกพบเห็นในวันเกิดเหตุก็ไม่ยอมออกมาแสดงตัว หรือพบเจ้าหน้าที่ การสืบสวนดูเหมือนจะเจอกับทางตัน
...
เจอตัวคลีโอ สมิธ อย่างปลอดภัย
แต่วันที่ 17 ของการหายตัว จู่ๆ เจ้าหน้าที่ โคล แบรนช์ รองผู้บัญชาการตำรวจรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ก็ออกมาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตำรวจกำลังเข้าใกล้คลีโอมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ขณะที่นายคริส ดอว์สัน ผู้บัญชาการตำรวจรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เปิดเผยในภายหลังว่า ตำรวจปะติดปะต่อข้อมูลมากมายเข้าด้วยกัน และทั้งหมดชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ในเมืองคาร์นาร์วอน ซึ่งห่างจากบ้านของครอบครัวสมิธไม่กี่กิโลเมตร
และคืนวันที่ 18 ของการหายตัว หรือ 3 พ.ย. 2564 ตำรวจก็มุ่งไปยังบ้านหลังนั้น ซึ่งภายนอกดูไม่มีอะไรพิเศษ ก่อนจะพังประตูที่ถูกล็อกอยู่ แล้วเจ้าหน้าที่ 4 นายก็เข้าไปด้านใน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนักสืบอาวุโส สิบเอก คาเมรอน เบลน เขาเข้าไปตรวจค้นในห้องห้องหนึ่งและพบเข้ากับเด็กหญิงผมสีทองนั่งอยู่ในนั้น เขาจึงถามออกไปว่า “หนูน้อยชื่ออะไร?” ก่อนตำรวจอีกนายจะเข้าไปอุ้มเด็กขึ้นมา
เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เจ้าหน้าที่เบลนจึงถามชื่อของหนูน้อยซ้ำอีก 2 ครั้ง แม้เขาจะแน่ใจว่านี่แหละคือเด็กหญิงที่พวกเขาตามหามาตลอด 18 วันที่ผ่านมา และในที่สุด เด็กหญิงก็ตอบกลับมาว่า “หนูชื่อคลีโอ” ซึ่งคำพูดของเธอเปรียบเหมือนสัญญาณที่บอกว่า ปฏิบัติการค้นหาประสบความสำเร็จแล้ว
...
จับกุมผู้ต้องสงสัย
ตำรวจออสเตรเลียไม่ได้ระบุชัดเจนว่าอะไรคือเบาะแสชี้นำให้พวกเขาไปยังบ้านหลังดังกล่าว แต่นายดอว์สันระบุว่า มีข้อมูลสำคัญมากเกี่ยวกับรถยนต์คันหนึ่งที่พาตำรวจไปยังบ้านหลังนั้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ด้านเจ้าหน้าที่สืบสวนไวล์ด เผยว่า ตำรวจสามารถสร้างภาพรวมที่บอกได้ว่า ใครควรอยู่ตรงนั้นและมีใครอยู่ตรงนั้น ด้วยการปะติดปะต่อข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน และวางตำแหน่งของผู้คนไว้ตามสถานที่ต่างๆ ในแต่ละช่วงเวลา ทำให้อะไรๆ ชัดเจนมากขึ้นในช่วงบ่ายวันอังคาร นำพวกเขาไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัย
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้ต้องสงสัยดังกล่าว ซึ่งได้รับการยืนยันในเวลาต่อมาว่าชื่อ เทอเรนซ์ ดาร์เรลล์ เคลลี อายุ 36 ปี ถูกนำตัวออกจากรถยนต์ของตัวเองและถูกจับกุม ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ตำรวจจะช่วยเหลือคลีโอได้ โดยตำรวจเชื่อว่าชายคนนี้ก่อเหตุเพียงลำพัง และการลักพาตัวครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผนไว้ก่อน
ตอนนี้หนูน้อยคลีโอสามารถออกจากโรงพยาบาล และกลับไปอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวได้แล้ว ขณะที่นายเคลลีก็กำลังจะถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อไต่สวนข้อหา บังคับ, หลอกลวง หรือล่อลวง เด็กหญิงอายุไม่ถึง 16 ปี แต่การสืบสวนคดีนี้ยังไม่จบลง ตำรวจต้องการสืบรู้ให้ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นในคืนวันนั้น และระหว่างที่คลีโอหายตัวไป ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : BBC, ABC