จีนเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าของโลก ความที่ผลิตสินค้าในปริมาณมาก ทำให้สินค้าจีนราคาถูก ผู้คนเกือบทั้งโลกจึงหันมาใช้สินค้าที่ผลิตจากจีน

โรงงานต้องใช้พลังงานไฟฟ้า โรงงานไฟฟ้าในจีนส่วนใหญ่ใช้ถ่านหิน จีนพึ่งพาการใช้ถ่านหินสูงถึงร้อยละ 70 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ทว่ารัฐบาลจีนในปัจจุบันสนใจเกี่ยวกับเรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและหันไปหาพลังงานสะอาดอื่นมาทดแทนถ่านหิน ถ่านหินกับพลังงานสะอาดนี่เป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันอย่างมากครับ

รัฐบาลจีนควบคุมค่าไฟฟ้า แต่การผลิตถ่านหินของจีนใน พ.ศ.2564 เติบโตเพียงร้อยละ 4.4 ขณะที่โลกต้องการสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น จีนต้องการไฟฟ้าสูงเพิ่มถึงร้อยละ 11.3 เมื่อมีความต้องการมากก็ทำให้ราคาถ่านหินพุ่งสูงขึ้น ทว่าราคาไฟฟ้ากลับเท่าเดิม โรงงานผลิตไฟฟ้าจึงเลี่ยงการขาดทุนด้วยการลดการผลิต

เดิมจีนใช้ถ่านหินจากออสเตรเลีย ต่อมาจีนกับออสเตรเลียมีปัญหากระทบกระทั่งกัน ทำให้รัฐบาลจีนสั่งสอนออสเตรเลียด้วยการลดการนำเข้าถ่านหิน ทว่า การสั่งสอนนั้นกลับมีผลกระทบในทางลบกับจีนเอง คือจีนมีถ่านหินไม่พอใช้ รัฐบาลจีนพยายามแก้ปัญหาด้วยการนำเข้าถ่านหินจากอินโดนีเซีย แต่ก็มีปริมาณไม่เพียงพอ

อีกประเทศหนึ่งซึ่งจีนนำเข้าถ่านหินเป็นจำนวนมากคือกินี สาธารณรัฐที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา กินีมีพรมแดนติดกับกินีบิสเซา เซเนกัล มาลี โกตดิวัวร์ ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน แต่หลังจากที่พันเอกมัมมาดี ดูมบูยา ผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษของกินีทำการปฏิวัติเมื่อต้นเดือนกันยายน 2564 ก็กระทบกับถ่านหินที่จีนจะนำเข้าอย่างรุนแรง

รัฐบาลจีนได้สั่งให้โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งลดการใช้ไฟฟ้าด้วยการลดการผลิตเหลือแค่สัปดาห์ละ 2-4 วัน มีการควบคุมการใช้ไฟฟ้าในบ้านเรือนหลายพื้นที่ ไฟตามถนนหนที่เดิมเคยสว่างไสวทั้งคืน ปัจจุบันก็ถูกปิดไปเป็นจำนวนมาก

...

จีนต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตนให้เหมือนเยอรมนี คือเป็นประเทศที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทว่าจีนลืมไปว่าตนมีประชากรมากมายมหาศาล ต้องรับผิดชอบชีวิตของพลเมืองเกิน 1.4 พันล้าน นี่อีกไม่กี่วันก็เข้าหน้าหนาวแล้ว ทุกครัวเรือนต้องใช้ฮีทเตอร์ผลิตความอบอุ่นภายใน ถ้าไฟฟ้าไม่พอก็บรื๋อสส ยากที่จะจินตนาการครับ

เมื่อจีนผลิตสินค้าขั้นพื้นฐานประเภทมีดพก กระจกเงากระเป๋าหิ้ว แว่นตา นาฬิกา ฟันปลอมได้น้อยลง ราคาของพวกนี้ก็ต้องสูงขึ้น เมื่อบวกกับวิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติโควิด-19 ที่มีอยู่ทั้งโลกในปัจจุบัน ก็อาจจะทำให้โลกอยู่ยากขึ้นใน พ.ศ.2565

เดิมที่เคยคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 8.2 แต่พอเจอวิกฤติขาดแคลนพลังงาน หลายสำนักก็ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีน โดยเฉพาะโกลด์แมน แซคซ์ ธนาคารยักษ์ของโลกคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวเพียงร้อยละ 7.8

สิ่งที่ผมคิดว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนก็คือ รัฐบาลจีนต้องปรับค่าไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม กฎหมายหลายมณฑลของจีนอนุญาตให้ภาครัฐสามารถปรับขึ้นค่าไฟฟ้าได้สูงถึงร้อยละ 10 แต่เท่าที่ทราบ แม้หลายมณฑลขยับค่าไฟฟ้าจนเต็มเพดานร้อยละ 10 แล้วก็ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้

เจอปัญหาไฟฟ้าราคาแพง ทำให้สินค้าจีนราคาแพงขึ้น นี่ก็อาจจะเป็นผลดีต่อสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยก็ได้ หากรัฐบาลและภาคเอกชนของไทยเร่งประชุมและส่งเสริมให้เอกชนไทยผลิตสินค้าทดแทนสินค้าจีนที่จะขาดตลาดหรือมีราคาแพงขึ้น ก็อาจทำให้ภาคการผลิตของไทยกระเตื้องขึ้น

ข้อดีอย่างหนึ่งของสังคมจีนคือ ถ้าไม่ใช่เรื่องการเมือง พวกที่อยู่ในโซเชียลมีเดียจีนจะออกมาตะโกนก้องเรียกร้องเป็นล้านคน รัฐบาลจีนก็มักจะรับฟัง ตอนนี้ในโซเชียลมีเดียจีนบ่นเรื่องการดับไฟของโรงไฟฟ้าในบางพื้นที่ รัฐบาลจีนทำงานไวครับ ฟังปัญหาของประชาชนเพียงไม่นานก็เร่งแก้ไขปัญหา

หนึ่งในการแก้ไขปัญหาก็คือ จีนเร่งเจรจากับรัสเซียเรื่องการนำเข้าก๊าซธรรมชาติให้มากขึ้น และเจรจากับ สปป.ลาว ซึ่งลาวมีทั้งไฟฟ้าพลังน้ำและถ่านหินครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com