- พรรคคอมมิวนิสต์ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กำลังดำเนินการควบคุมทางอุดมการณ์อย่างเข้มข้น และส่งเสริมทฤษฎีทางการเมืองที่เรียกว่า “ความคิดของ สี จิ้นผิง”
- หลักทฤษฎีที่ว่ากำลังถูกปลูกฝังแก่ประชาชนตั้งแต่เด็ก ด้วยการเพิ่มเนื้อหาลงในหลักสูตรการเรียนการสอน นอกจากนั้นรัฐบาลยังเข้าควบคุมสื่อที่มีอิทธิพลต่อสังคมอย่างวงการบันเทิงด้วย
- สี จิ้นผิง ยังเริ่มเดินหน้าหลักการ “ความเจริญร่วมกัน” ให้คนรวยช่วยคนจน ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่ขานรับ พร้อมสัญญาจะบริจาคเงินมหาศาลเข้าโครงการเพื่อสังคม
พรรคคอมมิวนิสต์จีนก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 2 ของการปกครองแดนมังกรอันกว้างใหญ่ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และพวกเขากำลังเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการควบคุม “อุดมการณ์” ของประชาชนกว่า 1.4 พันล้านคนในประเทศเป็นอันดับแรก
พรรคคอมมิวนิสต์ภายใต้การปกครองของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กำลังดำเนินการควบคุมทางอุดมการณ์อย่างเข้มข้นที่สุดในรอบหลายสิบปี พวกเขาย้ำเตือนอยู่เสมอเรื่องการแทรกซึมทางความคิดจากชาติตะวันตก รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการรักชาติอย่างแข็งกร้าว และจำกัดเสรีภาพสื่อและการศึกษา
แกนกลางของนโยบายนี้มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมทฤษฎีทางการเมืองที่เรียกว่า “ความคิด สี จิ้นผิง ว่าด้วยสังคมนิยมกับคุณลักษณะของจีนสำหรับยุคสมัยใหม่” (Xi Jinping Thought on Socialism with Chinese Characteristics for the New Era) ซึ่งได้รับการบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อปี 2560 ทำให้เขาเป็นผู้นำจีนคนที่ 3 เท่านั้น ต่อจาก เหมา เจ๋อตง กับ เติ้ง เสี่ยวผิง ที่ทฤษฎีทางการเมืองได้รับการบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์
ในขณะที่ฝ่ายบริหารของพรรคคอมมิวนิสต์กำลังศึกษาทฤษฎีของสี จิ้นผิง อย่างต่อเนื่องนับตั้งต่แปี 2560 ไม่ว่าจะในการประชุม หรือผ่านแอปพลิเคชันพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนปรัชญาที่ว่านี้โดยเฉพาะ และตอนนี้พวกเขากำลังเดินหน้าแผ่ขยายความคิดของ สี จิ้นผิง ออกสู่สังคม เพื่อยกระดับการตระหนักรู้ทางการเมือง, อุดมการณ์, ทฤษฎี และการตอบสนองทางอารมณ์อย่างถูกต้องเหมาะสม
...
ปลูกฝังความคิด สี จิ้นผิง
จีนเริ่มปลูกฝังความคิดของ สี จิ้นผิง ให้แก่เด็กๆ ในประเทศแล้ว โดยกระทรวงศึกษาธิการของจีนระบุว่า ในภาคเรียนใหม่ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา นักเรียนชั้นประถมและมัธยมจะได้รับแบบเรียนใหม่ และตีความเรื่องการเมืองในอุดมคติบรรจุเข้าไปในหลักสูตรการเรียนการสอนของชาติ ตั้งแต่โรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาไปถึงระดับสำเร็จการศึกษา
“โรงเรียนประถมจะมุ่งเน้นในเรื่องการบ่มเพาะความรักชาติ, พรรคคอมมิวนิสต์จีน และระบบสังคมนิยม ชั้นมัธยมจะให้ความสำคัญเรื่องการผสานระหว่างศึกษาหาความรู้และการสร้างประสบการณ์ เพื่อช่วยเสริมสร้างพื้นฐานทางความคิดเห็นและการตัดสินใจเรื่องการเมืองแก่นักเรียน ส่วนระดับมหาวิทยาลัยจะเน้นย้ำเรื่องการคิดเชิงทฤษฎีมากขึ้น” โกลบอล ไทม์ สื่อของรัฐบาลจีนเผย
หนังสือเรียนของเด็กที่โตขึ้นจะมีหัวข้อการเรียนที่ซับซ้อนขึ้น เช่น อุตสาหกรรมอวกาศแห่งชาติ และเส้นทางการเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ตามแนวสังคมนิยมสมัยใหม่ นอกจากนั้นยังมีการศึกษาโดยใช้แรงงาน เพื่อปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งการทำงานหนัก และการศึกษาเรื่องความมั่นคงของชาติด้วย
นายอู๋ เฉียง นักวิเคราะห์การเมืองในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า แคมเปญดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของ สี จิ้นผิง เพื่อรวมศูนย์อำนาจและเพิ่มแรงสนับสนุนจากสังคม ก่อนที่การประชุมสภารัฐสภาแห่งชาติครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งคาดกันว่าในการประชุมนั้น สี จิ้นผิง จะได้รับเลือกให้เป็นผู้นำประเทศจีนต่อเป็นสมัยที่ 3 หลังจากเขายกเลิกการจำกัดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปแล้วในปี 2561
ควบคุมวงการบันเทิง
แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้ชาวจีนมีช่องทางได้รับข่าวสารมากมายผ่านโลกดิจิตอล แม้พรรคคอมมิวนิสต์จะพยายามปิดกั้นข้อมูลที่ขัดต่อแนวความคิดของพวกเขาอย่างเต็มที่ที่สุดแล้วก็ตาม ซึ่งนางหลิง หลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและนโยบายของจีน จากมหาวิทยาลัยเวียนนา ระบุว่า หากจีนต้องการเป็นผู้ชนะในสงครามข้อมูลนี้ พวกเขาจำเป็นต้องสร้างมุมมอง ที่ประชาชนมีต่อข้อมูลที่พวกเขาเสพรับขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ผู้คนได้ข้อสรุปที่ถูกต้องเสมอ เวลาพบเห็นข้อมูลต่างๆ รวมถึงที่ไม่ผ่านการเซนเซอร์
และเพื่อการนั้น พรรคคอมมิวนิสต์จึงกำลังหาทางควบคุมอุดมการณ์ในทุกภาคส่วนของสังคม ไล่ตั้งแต่รัฐบาล, บริษัทต่างๆ, โรงเรียน, หมู่บ้าน และชุมชนท้องถิ่น ไปจนถึงบนโลกอินเทอร์เน็ต
ซึ่งนอกจากการปลูกฝังทางความคิดตั้งแต่เด็กแล้ว รัฐบาลจีนยังเข้าควบคุมวงการบันเทิงที่กำลังมีอิทธิพลต่อคนในชาติ โดยสำนักงานจัดการวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ (NRTA) เพิ่งออกข้อบังคับใหม่ ห้ามรายการต่างๆ นำเสนอนักแสดงชายที่มี “ลักษณะท่าทางเหมือนผู้หญิง” ส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของผู้ชายมีความเป็นชายมากขึ้น
ที่ผ่านมา จีนควบคุมอุตสาหกรรมบันเทิงด้วยการเซนเซอร์คอนเทนต์อย่างเข้มงวดมาตลอด ขณะเดียวกันก็ให้การสนับสนุนจนภาพยนตร์และรายการบันเทิงสามารถต่อสู้กับคู่แข่งจากต่างประเทศได้ แต่ความโด่งดังของเหล่าดารานักแสดงและกลุ่มแฟนคลับที่ให้การสนับสนุน กำลังถูกมองว่าเป็นภัยและมีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ในจีน รัฐบาลจึงพยายามหาทางไม่ให้ค่านิยมจากต่างชาติเข้าครอบงำคนในประเทศ
ข้อบังคับใหม่ของ NRTA ยังรวมถึงการห้ามรายการเรียลลิตี้ต่างๆ เปิดให้เหล่าแฟนคลับโหวตลงคะแนนให้ศิลปินที่ชื่นชอบ ยกเว้นเป็นผู้ชมรายการสดๆ ในห้องส่ง และปิดเว็บไซต์ของกลุ่มแฟนคลับที่ก่อความวุ่นวาย NRTA ย้ำด้วยว่า พวกเขาจะสนับสนุนรายการที่ส่งเสริมขนบธรรมเนียมประเพณี, วิวัฒนาการ หรือวัฒนธรรมของระบอบสังคมนิยม หรือมีบรรยากาศของการรักชาติ
...
ชูหลัก “ความเจริญร่วมกัน”
สี จิ้นผิง ยังหวนกลับมาให้คำมั่นสัญญาในเรื่อง ‘ความเจริญร่วมกัน’ (common prosperity) และการกระจายความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียม ให้คนรวยช่วยเหลือคนจน
เมื่อกลางสิงหาคมที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการกิจการการเงินและเศรษฐกิจกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สี จิ้นผิง ประกาศเอาไว้ว่า ในช่วงปีแรกๆ ของการปฏิรูปประเทศจีน รัฐบาลจำเป็นต้องให้คนจำนวนหนึ่ง “ร่ำรวยขึ้นมาก่อน” แต่ตอนนี้จีนพร้อมแล้วที่จะทำให้ “คนรวยร่วมกัน” ตามที่ เติ้ง เสี่ยวผิง เคยพูดเอาไว้ในอดีต
ปัจจุบัน จีนมีประชากรราว 1.4 พันล้านคน และปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านรายได้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอด 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปี 2558 ประชากรเพียง 10% ของประเทศ กลับมีรายได้ถึง 41% ของรายได้ประชาชาติ ซึ่งสี จิ้นผิง ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างรายได้จากรูปพีระมิดให้เป็นรูปรักบี้ ซึ่งหมายถึงจำนวนคนชั้นกลางที่เพิ่มสูงขึ้นจนกลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ รัฐบาลยังออกกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของบริษัทรายใหญ่ เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นการขยายกลุ่มชนชั้นกลางไปในตัวด้วย
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนมากมาย ที่กำลังถูกรัฐบาลเพ่งเล็ง ต่างออกมาขานรับแนวคิดการกระจายความร่ำรวยของ สี จิ้นผิง เช่นบริษัท อาลีบาบา (Alibaba) ซึ่งเพิ่งโดนปรับไป 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาด สัญญาจะลงทุนเงิน 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์ในโครงการริเริ่ม 10 อย่าง รวมถึงการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ, การพัฒนาเศรษฐกิจ, การสร้างงานที่มีคุณภาพสูง และการสนับสนุนกลุ่มคนเปราะบางด้วย
ส่วน เทนเซ็นต์ (Tencent) บริษัทเกมรายใหญ่ ประกาศจะเพิ่มเงินลงทุนเพื่อสังคมอีกเท่าตัวเป็น 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์ ในโครงการฟื้นฟูพื้นที่ชนบท และส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มผู้มีรายได้ต่ำ ขณะที่ บริษัทเทคโนโลยีการเกษตร พินตั๋วตั๋ว (Pinduoduo), เหม่ยถวน (Meituan) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันร้านค้าและส่งอาหาร และบริษัท เสี่ยวหมี่ (Xiaomi) ก็สัญญาจะบริจาคเงินแก่สังคมหลายพันล้านดอลลาร์.
ผู้เขียน : H2O
ที่มา : CNN, CNBC, BBC
กราฟิก : Chonticha Pinijrob
...