- ในที่สุด เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเกือบ 80 ประเทศแล้ว หลังพบครั้งแรกในอินเดียปลายปี 2563
- UK และสหรัฐฯ กลับมาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งสูง โดย UK พบกว่า 90% ติดเชื้อโควิดสุดร้ายสายพันธุ์เดลตา ที่แพร่กระจายติดเชื้อได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
- ข้อมูลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ใน UK พบวัคซีนไฟเซอร์ และแอสตราเซเนกา 2 เข็ม มีประสิทธิภาพที่ดีในการต้านสายพันธุ์เดลตา
และแล้ว ไทยก็กำลังเป็นหนึ่งในเกือบ 80 ประเทศทั่วโลกที่ต้องเผชิญหน้ากับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่แพร่กระจายเข้าสู่ชุมชน ในขณะที่สายพันธุ์เดลตาถูกกล่าวขวัญด้วยความพรั่นพรึงว่าเป็นสายพันธุ์ร้ายกาจ สามารถแพร่กระจายติดเชื้อได้ง่ายขึ้นกว่าโควิด-19 สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) ที่กำลังระบาดในประเทศไทย

แพร่กระจายรวดเร็วเกือบ 80 ประเทศทั่วโลกแล้ว
เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา (Delta) หรือ B.1.617.2 พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในอินเดียเมื่อปลายปี 2563 ก่อนจะแพร่สู่ชุมชนและทำให้อินเดียต้องเจอวิกฤติหนักจากการระบาดของเชื้อโควิดระลอก 2 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทะยานจนสร้างสถิติสูงสุดกว่า 4 แสนรายต่อวัน
...
องค์การอนามัยโลก (WHO) มีแถลงการณ์ว่า จนถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2564 เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาได้แพร่ระบาดไปยังประเทศต่างๆ แล้วถึง 74 ประเทศ
ขณะที่ผู้อำนวยการ WHO ประจำภาคพื้นยุโรปเตือนว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาได้เข้ามาเป็นสายพันธุ์ที่ยึดครองการระบาดในภูมิภาคยุโรป ในขณะที่มีประเทศจำนวนมากได้เตรียมคลายล็อก ผ่อนปรนมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 และอนุญาตให้มีการรวมกลุ่มกันทางสังคม รวมทั้งการเดินทางข้ามพรมแดน ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งคลายล็อกคุมโควิด-19 เช่นกัน ได้พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาแล้ว 10% จากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ

UK ผวาระบาดแรง พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตากว่า 91%
สหราชอาณาจักร UK ต้องกลับมาเป็นหนึ่งในประเทศที่หวนเผชิญหน้ากับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา จนทำให้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ต้องเลื่อนการประกาศมาตรการคลายล็อกดาวน์จากกำหนดเดิมในกลางมิถุนายน ออกไปอีกหนึ่งเดือน
ทางการ UK ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตารายแรกที่เคนต์ ในอังกฤษ เมื่อ ก.พ. 64 จากนั้น เชื้อเดลตาได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอังกฤษ แทนที่สายพันธุ์อัลฟา (B.1.1.7) หรือก่อนหน้านี้เรียกกันว่าสายพันธุ์อังกฤษ ไปเรียบร้อย
ขณะนี้สหราชอาณาจักรพบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 91% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ โดยตามรายงานของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ระบุว่า เชื้อเดลตาสามารถแพร่ระบาดติดเชื้อได้ง่ายขึ้นกว่าสายพันธุ์อัลฟาประมาณ 40% ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์คำนวณว่าเชื้อเดลตาอาจแพร่ติดต่อได้ง่ายขึ้นกว่าสายพันธุ์อัลฟา 30-100% เลยทีเดียว
'ไอน้อยลง' อาการป่วยจากสายพันธุ์เดลตาต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้า
สายพันธุ์เดลตากำลังระบาดอย่างรวดเร็วในจีนตะวันออกเฉียงใต้ด้วยโดยตามรายงานของทีมแพทย์ ระบุว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตามีอาการป่วยหนักขึ้นและอาการป่วยได้แย่ลงอย่างรวดเร็วกว่าผู้ป่วยที่ทีมแพทย์ได้เคยรักษาตอนเชื้อโควิดเริ่มระบาดในสหราชอาณาจักร
ผลการศึกษา Zoe Covid Symptom ในอาการผู้ป่วยด้วยโรคโควิดสายพันธุ์เดลตา จากการตรวจสอบอาการผ่านทางแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ พบว่า อาการป่วยจากการติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์อาจกำลังเปลี่ยนไป
เพราะจากการติดตามอาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือตั้งแต่พฤษภาคม ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยที่ติดเชื้อ มีอาการแรก คือ ปวดศีรษะ ตามด้วยเจ็บคอ น้ำมูกไหล และมีไข้
'ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาที่มีอาการไอจะหายากขึ้น และพวกเราไม่เห็นว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อเกิดอาการสูญเสียการได้กลิ่น หรือรู้รส' ศาสตราจารย์ทิม สเปคเตอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าการศึกษาวิจัยนี้กล่าว พร้อมทั้งชี้ว่า ความเสี่ยงคือคนหนุ่มสาวที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา ที่ไม่เกิดอาการป่วยรุนแรง เพราะคนหนุ่มสาวเหล่านี้อาจเข้าใจผิดว่าตัวเองติดเชื้อไข้หวัดธรรมดา และไม่ได้มีการกักตัวเอง จนทำให้เชื้อเดลตาแพร่กระจายได้เพิ่มขึ้น

...
สายพันธุ์เดลตาอาจทำให้ป่วยหนักเข้ารพ.มากขึ้น
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสายพันธุ์เดลตาที่ถูกตีพิมพ์ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลจากสหราชอาณาจักร ซึ่งนักวิจัยได้ใช้วิธี rapid method ที่เรียกว่า “genotype assay testing” ในการตรวจตัวอย่างเชื้อว่าเป็นเชื้อโควิดกลายพันธุ์อย่างสายพันธุ์เดลตา หรืออัลฟาหรือไม่
ตามรายงานการศึกษาในสกอตแลนด์ที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร The Lancet เมื่อ 14 มิ.ย.64 ระบุว่า ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตามีความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงกว่าผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อัลฟา ประมาณ 2 เท่า
จากการศึกษาพบว่า ผู้ติดเชื้อ 19,543 รายในชุมชน ที่สกอตแลนด์ ป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล 377 ราย ระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-6 มิ.ย.

...
วัคซีนโควิด 2 เข็มของไฟเซอร์-แอสตราเซเนกา ต้านสายพันธุ์เดลตาได้ดี
ผลการศึกษาเดียวกันพบว่า ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิดและติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ทว่าวัคซีนเข็มแรกจะสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานมาก หลังจากฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 28 วัน
วัคซีนไฟเซอร์ หลังจากได้รับการฉีดสองโดส ผ่านไป 2 สัปดาห์ ป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้ 79% เมื่อเทียบกับการป้องกันการติดเชื้อจากสายพันธุ์อัลฟาได้ 92%
ข้อมูลใหม่ที่ได้รับการตีพิมพ์โดย Public Health England (สาธารณสุขอังกฤษ) เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. พบว่าวัคซีนต้านโควิดของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซเนกา ที่ฉีดให้ประชาชน 2 โดส มีประสิทธิภาพในการต้านอาการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้ 92% และไม่ทำให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว เสียชีวิต
ขณะเดียวกัน ผลการศึกษายังพบว่าวัคซีนแอสตราเซเนกาสามารถลดอาการป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลจากการติดเชื้อสายพันธุ์อัลฟาได้ 86% และไม่มีผู้เสียชีวิต
นอกจากนั้นวัคซีนแอสตราเซเนกายังมีประสิทธิภาพทำให้ผู้ติดเชื้อสายพันธุ์อัลฟา ไม่แสดงอาการโรคถึง 74% และสามารถต้านสายพันธุ์เดลตา ทำให้ไม่แสดงอาการโรคอยู่ที่ 64%
อีกข้อมูลหนึ่งที่ตีพิมพ์ โดยสาธารณสุขอังกฤษ ยังพบว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการต้านอาการโรคหลังฉีดแล้ว 2 โดสจากการติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา 88% เมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์อัลฟา ที่ทำให้ไม่แสดงอาการโรค 93%
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์
ที่มา : GAVI,sciencemag
...