เมื่อ 8 พ.ค. ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งในสกอตแลนด์ พบว่าพรรคแห่งชาติสกอตแลนด์ (เอสเอ็นพี) ของนางนิโคลา สเตอร์เจียน มุขมนตรีสกอตแลนด์ คว้าชัยชนะให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 4 ด้วย 64 ที่นั่งจากทั้งหมด 129 ที่นั่งในสภา ขาดเพียง 1 ที่นั่งที่จะได้รับคะแนนเสียงส่วนใหญ่ในสภาที่ต้องการผลักดันจัดการลงประชามติแยกเป็นเอกราชจากสหราชอาณาจักร (ยูเค) แต่คาดว่าจะสามารถคุมอำนาจในสภาได้อีก 5 ปี ด้วยพรรคกรีนส์ที่ได้ 8 ที่นั่ง ส่งเสริมและสนับสนุนการแยกตัวจากยูเค
ขณะที่นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน แห่งอังกฤษ ก็เขียนข้อความแสดง ความยินดีต่อชัยชนะของนางสเตอร์เจียน และเชื่อว่าเป็นผลประโยชน์ต่อประชาชนทั่วยูเค โดยเฉพาะประชาชนในสกอตแลนด์ ทั้งขอให้นางสเตอร์เจียนเข้า ร่วมประชุมเพื่อหารือเรื่องการฟื้นเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ก็ย้ำว่าไม่เห็นด้วยกับการลงประชามติแยกเอกราช เพราะเห็นว่าจากบริบทปัจจุบันถือว่าขาดความรับผิดชอบและทำอะไรไม่คิด แต่นางสเตอร์เจียนได้เตรียมแผนการลงประชามติไว้แล้วหลังคลี่คลายวิกฤติโควิด-19 ให้ได้ก่อนภายในสิ้นปี 2565 และทางพรรคเอสเอ็นพีก็ตั้งมั่นว่า การปลดแอกสกอตแลนด์จะได้กลับไปเข้าร่วมกับสหภาพยุโรป (อียู) เพราะประชาชนส่วนใหญ่คัดค้านเบร็กซิต หรือการถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกอียูของยูเค.