- 'เชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ' ที่ทั่วโลกวิตก มาถึงไทย หลังพบครั้งแรกที่อังกฤษเมื่อ ก.ย. 2563 จนนายกฯ สหราชอาณาจักรต้องประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศ พบติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันเดียวพุ่ง 5 หมื่น
- สหรัฐฯ ผวาหนัก กำลังเผชิญ 'โควิดสายพันธุ์อังกฤษ' ระบาดทั่วประเทศ ทำยอดผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนเฉลี่ยติดเชื้อ 6.3 หมื่นต่อวัน
- นักวิทย์ในสหรัฐฯ และหลายประเทศเร่งศึกษาเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ ทำไมทำให้ระบาดเร็วขึ้น ติดเชื้อง่ายขึ้น รวมถึงวัคซีนที่พัฒนากันอยู่ในขณะนี้จะต้านอยู่หรือไม่
'โควิดสายพันธุ์อังกฤษ' ระบาดเร็วขึ้น ติดง่ายขึ้น
และแล้ว ‘เชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ’ ก็ถูกกล่าวขวัญด้วยความวิตกในประเทศไทย หลังการระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ จาก 'คลัสเตอร์' สถานบันเทิงย่านทองหล่อ จนถึงวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ปรากฏว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุอังกฤษถึงอย่างน้อย 24 รายแล้ว
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมโรคติดต่อ รวมทั้ง ศ.นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเตือนด้วยความกังวลทันทีว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษนี้ สามารถแพร่ระบาดได้เร็วกว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุปกติถึง 1.7 เท่า
...
ในชณะที่ การระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ทั่วโลกต้องหยุดการเดินทางข้ามประเทศตั้งแต่ปีก่อน แต่ความสามารถในการระบาดของเชื้อ 'โควิดสายพันธุ์อังกฤษ' หรือรู้จักในชื่อ B.1.1.7 ปรากฏว่า จนถึงขณะนี้ ถูกพบว่ามีการระบาดไปยังประเทศต่างๆ แล้วกว่า 100 ประเทศ รวมทั้งไทย นับตั้งแต่ถูกพบครั้งแรกในอังกฤษเมื่อกันยายน ปี 2563
และในเวลาไม่กี่เดือนต่อมา สหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเทศ คือ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างรุนแรง จนต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์คุมเข้มทั่วทั้งประทศ
ความร้ายกาจของโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ที่สามารถระบาดได้รวดเร็วกว่าเดิม ทำให้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน มีผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษในกรุงลอนดอนเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563
จากนั้นไม่ถึงเดือนต่อมา เชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ซึ่งสามารถระบาดเร็วมาก ทำให้มีผู้ติดเชื้อถึงเกือบ 2 ใน 3 จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อถึงกลางเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน
วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2564 สหราชอาณาจักรพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ พุ่งทะยานขึ้นไปมากกว่า 50,000 คน และเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 ในขณะที่ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้รับคำแนะนำจากหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของรัฐบาล ให้ยกระดับความรุนแรงของการระบาดของโควิด-19 ขึ้นเป็นระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด พร้อมกับยังเตือนว่าหน่วยงานบริการทางการแพทย์ในหลายพื้นที่ของสหราชอาณาจักรอยู่ในสภาพเกินกำลังและจะไม่สามารถรับมือได้เกิน 21 วัน
ทำให้ต่อมา นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ได้ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศทันที เพื่อลดการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษที่ทำให้จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2564 มีผู้เสียชีวิตในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นแล้วถึง 7.5 หมื่นศพ และยอดสะสมผู้ติดเชื้อกว่า 2.7 ล้านราย
รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดหลายเรื่อง รวมทั้งขอให้ประชาชนทุกคนอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่เที่ยงคืนวันจันทร์ที่ 4 มกราคม และให้ออกนอกบ้านเฉพาะกรณีจำเป็นเท่านั้น นอกจากนั้น ยังสั่งปิดโรงเรียนประถม และวิทยาลัยทุกแห่ง โดยให้เรียนทางออนไลน์ไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
...
ความน่ากังวลของเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ
สำหรับเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับทีมนักวิทยาศาสตร์ทั้งในอังกฤษและหลายประเทศทั่วโลก เกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ก็คือ :
- มีการระบาดอย่างรวดเร็ว แทนที่เชื้อโควิด-19 ชนิดก่อนหน้า
- การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมเกิดขึ้นในส่วนที่ดูเหมือนมีความสำคัญ
- ผลวิจัยจากห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่าการกลายพันธุ์บางอย่างของเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ทำให้มีความสามารถในการติดเชื้อได้เพิ่มขึ้น
สหรัฐฯ ผวา โควิดสายพันธุ์อังกฤษ กำลังระบาดทั่วประเทศ
สหรัฐอเมริกา ซึ่งเผชิญกับการระบาดของเชื้อโควิดรุนแรงจนครองอันดับหนึ่งประเทศที่มียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิดสูงสุดของโลกมาตั้งแต่ปีก่อน ได้พบเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7 ในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2563
แต่แล้ว เมื่อวันพุธที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) กล่าวว่าขณะนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษได้กลายเป็นสายพันธุ์ที่ครอบครองการระบาดมากที่สุดไปทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาไปแล้ว
การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษในสหรัฐฯ ทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นว่าจะสามารถทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐฯ และผู้ป่วยในโรงพยาบาลกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ทางการสหรัฐฯ ได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนต้านโควิดให้แก่ประชาชน เฉลี่ยมากถึง 3 ล้านคนต่อวันแล้วก็ตาม
ผู้อำนวยการ CDC ในสหรัฐฯ ชี้ว่า มีคลัสเตอร์ใหม่จำนวนหนึ่งที่แพร่กระจายเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ดูแลตอนกลางวัน และกีฬาที่เล่นในหมู่เยาวชน โดยขณะนี้สหรัฐฯ พบผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ที่เป็นคนหนุ่มสาวมากขึ้น ในขณะที่ผู้ใหญ่ในวัย 30-40 ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยโควิดรุนแรง
...
โดยในช่วง 7 วันเมื่อเร็ว ๆ นี้ ค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5,000 รายต่อวัน สูงกว่าสัปดาห์ก่อน 2.7% ในขณะที่รายงานใหม่ในการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เฉลี่ยสูงกว่า 63,000 รายต่อวัน เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน
ตามรายงานที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา CDC คาดการณ์ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษอาจเข้ามาระบาดไปทั่วสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม ในขณะที่ตอนนั้น มีการระบุเคสผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ เพียงแค่ 76 ราย ใน 10 รัฐเท่านั้น จึงทำให้คาดาการณ์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่กี่เดือนข้างหน้า
...
นักวิทย์สหรัฐฯ เร่งศึกษาเชื้อโควิดกลายพันธ์ุ
ขณะเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ ได้แจ้งข้อมูลล่าสุดผ่านทางเว็บไซต์ CDC เมื่อ 2 เมษายน 2564 เกี่ยวกับเชื้อโควิดกลายพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ ที่กำลังอุบัติขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยทีมนักวิทยาศาสตร์กำลังทำงานเพื่อศึกษาเรียนรู้มากขึ้นว่าเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์เหล่านี้ สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วขึ้นกว่าเชื้อโควิด-19 ปกติได้อย่างไร?
โดยเรื่องที่ CDC ในสหรัฐฯ ยังไม่รู้เกี่ยวกับเชื้อโควิดกลายพันธุ์? ได้แก่
- เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ รวมทั้งเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษ แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางได้อย่างไร
- เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ ทำให้เกิดอาการป่วยแตกต่างจากเชื้อโควิดที่กำลังระบาดในปัจจุบันอย่างไร
- เชื้อโควิดกลายพันธุ์ใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อวิธีการรักษา วัคซีน หรือการทดสอบต่างๆ อย่างไร
ตอนนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ กำลังศึกษา เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว เพื่อต้องการรู้ให้มากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดกลายพันธุ์เหล่านี้ และต้องการจะเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อโควิดกลายพันธุ์ให้มากขึ้นด้วย
- สามารถระบาดจากคนสู่คนได้รวดเร็วขึ้น
- ทำให้ผู้ติดเชื้อโควิดกลายพันธุ์ เกิดอาการป่วยแบบไม่รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งยังทำให้เกิดอาการป่วยหนักมากขึ้นด้วย
- สามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีการตรวจหาเชื้อไวรัสในปัจจุบันได้หรือไม่
- การตอบสนองต่อยาที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ในขณะนี้หรือไม่
- เปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิด-19 หรือไม่.
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์