หนุ่มชาวเหนืออาศัยอยู่ในอังกฤษนาน 10 ปี เล่าประสบการณ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มแรกของออกซ์ฟอร์ด เผยมีผลข้างเคียงเล็กน้อย รอฉีดเข็มที่สองอีก 12 สัปดาห์

นายเอ็ม เวลด์ อายุ 42 ปี ชาวอำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมือง Lewes, East Sussex ประเทศอังกฤษ มานานกว่า 10 ปี เล่าประสบการณ์หลังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เข็มแรก เนื่องจาก นายเอ็ม อยู่ในกลุ่มแรกที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน เพราะมีอาชีพเป็นบุคลากรที่ต้องดูแลผู้ป่วย และผู้สูงอายุในอังกฤษ แบบส่วนตัว

นายเอ็ม เล่าว่า ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากรัฐบาลท้องถิ่นในอังกฤษ ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นกลุ่มแรก ซึ่งเป็นบุคลากรทางการแพทย์ หรือผู้ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุ โดยได้รับการติดต่อนัดหมายล่วงหน้า 2 วัน ก่อนเดินทางไปรับการฉีดวัคซีนเมื่อวันเสาร์ที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา หลังการฉีดก็ได้รับการ์ดที่แสดงว่า ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วเพื่อพกติดตัวและแสดงต่อเจ้าหน้าที่ หากเดินทางออกจากบ้าน

โดยเข็มแรกที่ฉีดเป็นของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ชื่อ AZD 1222 ส่วนเข็มที่ 2 จะต้องรออีกประมาณ 4 ถึง 12 สัปดาห์จึงจะได้รับการฉีดซ้ำอีกครั้ง ส่วนเข็มแรกที่ฉีดก็ต้องรอประมาณ 2-3 สัปดาห์จึงจะเห็นผล ทำให้ช่วงนี้เวลาออกไปไหนก็ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย

นายเอ็ม บอกว่า ถือว่าตนเองโชคดีมากที่เป็นคนกลุ่มแรกๆ ในประเทศอังกฤษที่ได้รับการฉีดวัคซีน เพราะชาวอังกฤษบางรายยังต้องรอคิวให้รัฐบาลเรียกอยู่ ส่วนผลข้างเคียงหลังการฉีด ก็มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเล็กน้อย แต่มีบางคนที่แพ้ยาแพนนิซิลิน ก็จะมีอาการแพ้พอสมควร เช่น มีผื่นแดง และคัน เจ้าหน้าที่จึงให้รอดูอาการหลังฉีดก่อนประมาณ 15 นาทีถึงครึ่งชั่วโมง จึงจะกลับบ้านได้

...

โดยหลังทราบว่าจะได้รับการฉีควัคซีนก็รู้สึกกังวลอยู่บ้าง ว่าจะมีผลข้างเคียงหรือไม่ เพราะตนเองก็มีโรคประจำตัว แต่ก็คิดว่าอาจจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย จึงตัดสินใจฉีด และพอได้รับการฉีดก็ไม่มีปัญหาอะไร เหมือนเราฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ธรรมดาทั่วไป

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่กระจายและติดได้ง่าย เป็นสายพันธุ์มาจากแอฟริกาใต้ และบราซิล ทำให้รัฐบาลท้องถิ่นต้องประกาศล็อกดาวน์ปิดประเทศเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ห้ามออกจากบ้าน หรือถ้าออกจากบ้านได้ก็อนุญาตเฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น เช่น บุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มบุคลากรที่ต้องดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจตรา หากพบคนที่เดินตามท้องถนนก็จะเข้าไปสอบถามทันที

ขณะเดียวกันสถานประกอบการที่อนุญาตให้เปิดได้ ส่วนใหญ่เป็นซุปเปอร์มาเก็ตที่จำหน่ายอาหารและเครื่องอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งการล็อกดาวน์ครั้งที่ 3 นี้ เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2563 แล้ว ยังไม่รู้ว่าจะมีการคลายล็อกเมื่อไหร่ ต้องรอรัฐบาลที่นี่ประเมินสถานการณ์อีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ หรืออาจยาวไปถึงเดือนมีนาคม หรือเมษายน

ทั้งนี้ นายเอ็ม ได้ฝากถึงครอบครัวที่อยู่จังหวัดลำปาง และพี่น้องชาวไทย ให้ดูแลรักษาสุขภาพ หากออกนอกบ้านก็ขอให้สวมหน้ากากอนามัย และขอให้ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเร็ว เช่นเดียวกับตัวเอง รู้สึกเป็นห่วงคนที่บ้าน จึงพยายามติดต่อพูดคุยกันทางโซเชียลมีเดีย และติดตามข่าวสารสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด

นายเอ็ม บอกด้วยว่า หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และหลายประเทศคลายล็อกดาวน์ให้ประชาชนเดินทางได้ ตนเองจะรีบวางแผนเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่จังหวัดลำปางทันที เพราะหลังโควิด-19 แพร่ระบาด ก็ไม่ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านมาแล้ว 1 ปีเศษ

สำหรับการแบ่งกลุ่มคนในประเทศอังกฤษที่จะได้วัคซีนก่อนคือ 1. ผู้สูงอายุและผู้ดูแลคนชราที่อาศัยบ้านพักคนชรา 2. ผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป และผู้ที่ทำงานดูแลคนป่วย คนชราเช่น หมอ พยาบาล ผู้ดูแลคนชรา 3. ผู้สูงอายุ 75 ปีขึ้นไป 4. ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไปและคนที่มีโรคประจำตัว 5. ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 6. คนที่มีอายุระหว่าง 16 ปีถึง 64 ปีที่มีโรคประจำตัว 7. ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 8. ผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป 9. ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และ 10. และคนธรรมดาทั่วไป