กลุ่มอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ รวมถึงกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ออกแถลงการณ์แสดงความวิตกกังวลกรณีรัฐบาลเมียนมาอนุญาตอย่างเงียบๆให้สวนสัตว์เอกชนหลายแห่งในประเทศเพาะเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์หายากเพื่อการค้าจำนวน 90 สายพันธุ์ รวมถึงกว่า 20 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์ อาทิ เสือโคร่ง ตัวนิ่ม ช้าง รวมถึงโลมาอิระวดีและจระเข้พันธุ์สยาม ซึ่งปัจจุบันเมียนมาอนุญาตเพาะพันธุ์เพื่อค้าเนื้อและหนังได้แล้ว
แถลงการณ์จากกลุ่มอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ดังกล่าวชี้ว่า การอนุญาตเพาะพันธุ์สัตว์ป่าหายาก ยิ่งกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายสัตว์เหล่านั้นอย่างเสรี อีกทั้งเมียนมายังขาดศักยภาพในกระบวนการบังคับใช้กฎระเบียบข้อบังคับอย่างรัดกุม ทั้งยังเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคชนิดใหม่ๆจากสัตว์สู่คน รวมถึงก่อให้เกิดการฟอกเงินจากธุรกิจเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือศูนย์กลางการค้าสัตว์ป่าหายากของโลก และสินค้าส่วนใหญ่ถูกส่งขายอย่างผิดกฎหมายไปประเทศจีน โดยมูลค่าการซื้อขายสัตว์ป่าหายากแต่ละปีมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ.