สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสด็จเยือนเมืองนางาซากิ ที่ถูกสหรัฐฯโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์สมัยสงครามโลกครั้งที่2 เพื่อทรงต้องการส่งสารให้ประเทศทั้งหลายเลิกครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

เมื่อ 24 พ.ย. 62 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งอยู่ระหว่างการเสด็จเยือนญี่ปุ่น หลังจากเสร็จสิ้นการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 20-23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเมื่อ 24 พ.ย. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้เสด็จไปเยือนเมืองนางาซากิ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 เมืองของญี่ปุ่น ที่ชาวเมืองต้องประสบหายนะภัยจากอาวุธระเบิดนิวเคลียร์ที่กองทัพสหรัฐฯ นำมาโจมตีเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

...

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงกล่าวสุนทรพจน์ที่ พิพิธภัณฑ์และอนุสรณ์สถาน Twenty-Six Martyrs Monumenพ โดยทรงวิงวอนเรียกร้องให้ประเทศทั้งหลายสมควรทำลายอาวุธนิวเคลียร์ที่ครอบครองอยู่ รวมทั้งอาวุธทำลายล้างสูงอื่นๆ ให้หมดสิ้น เนื่องจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์และอาวุธทำลายล้างสูงเหล่านี้ไม่ใช่เป็นคำตอบสำหรับความใฝ่ฝันเพื่อสันติภาพ

‘ที่นี่ เมืองนี้ คือประจักษ์พยานของภัยพิบัติต่อมนุษยชาติและหายนะภัยต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดตามมาจากการถูกโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ ความพยายามของพวกเราคือการพูดต่อต้านต่อการแข่งขันการสร้างอาวุธนิวเคลียร์เหล่านี้ที่ไม่เคยพอ’ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ตรัสเรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ทั้งหลายทำลายอาวุธนิวเคลียร์ที่ครอบครองกันอยู่ หลังจากทรงได้หลับตาภาวนาสวดและทรงได้จุดเทียนรำลึกถึงเหยื่อที่เสียชีวิตจากระเบิดนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ โจมตีเมืองนางาซากิ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2488 โดยทันที 27,000 ราย โดยหลังจากเสร็จพิธีที่เมืองนางาซากิแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเสด็จไปเยือนเมืองฮิโรชิมาเป็นเมืองต่อไป

ทั้งนี้ เมืองนางาซากิ เป็นเมืองที่ 2 ของญี่ปุ่นที่โดนสหรัฐฯ โจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อจากเมืองฮิโรชิมา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 78,000 ราย ทำให้ทั้ง 2 เมือง มีผู้เสียชีวิตทันทีจากอานุภาพของระเบิดนิวเคลียร์นับแสนราย นอกจากนั้นยังต้องมีผู้เสียชีวิตจากการล้มป่วยและบาดเจ็บเพราะได้รับสารกัมมันตรังสีอีกกว่า 400,000 ราย จนทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้สงคราม.

ข่าวเกี่ยวข้อง