ครบขวบปี แคนาดาเปิดให้ใช้กัญชาเชิงสันทนาการได้ตามกฎหมายในปริมาณที่ทางการกำหนด ปรากฏว่ามูลค่าการตลาดไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนที่คาด กลุ่มบริษัทและนักลงทุนผิดหวังไปตามๆกัน
ความหวังจึงต้องฝากไว้ที่ขั้นต่อไป “กัญชา 2.0” หรือการแตกไลน์หาใช้ประโยชน์จากกัญชาถูกกฎหมายในรูปแบบอื่นๆ อย่างเช่น ของกิน เครื่องดื่ม สารสกัด และปากกาสูบ (กัญชา) ไฟฟ้า (vape pen) ซึ่ง ก.ม.กัญชา 2.0 จะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (24 ต.ค.) และจะเปิดให้ขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง กัญชาเหล่านี้ได้ช่วงกลางเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป
แม้จะเป็นความหวังกอบกู้ตลาด พยุงราคาหุ้นกลุ่มบริษัททำธุรกิจกัญชา แต่นักลงทุน กลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้อง และนักวิเคราะห์ ยังห่วงปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่จะช่วยฟื้นตลาด นั่นคือ การเร่งเพิ่มขยายจำนวนร้านขายปลีก
เหตุเพราะทางการออกกฎเข้มงวดหยุมหยิม ทำให้ร้านเปิดใหม่ขยายตัวช้า
ธนาคารเพื่อการลงทุนและบริษัทที่ปรึกษา “ซีพอร์ต โกลบอล” แนะทางออกว่า หากต้องการจะให้รับรู้ศักยภาพแท้จริงของตลาดกัญชา แคนาดาต้องมีร้านค้าปลีก ประมาณ 1,055 ร้าน
เมื่อมองภาพรวมตอนนี้ แคนาดามีร้านค้าปลีกขายผลิตภัณฑ์กัญชาอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งและในจำนวนนี้ มีประมาณ 300 ร้านอยู่ที่รัฐอัลเบอร์ตา เพราะภาครัฐท้องถิ่นผ่อนคลายกฎระเบียบมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ส่วนรัฐออนตาริโอและควิเบก มีกฎระเบียบด้านนี้ล้าหลังกว่ารัฐอื่นๆของแคนาดา
ขณะที่กลุ่มบริษัททำธุรกิจกัญชารายใหญ่ของแคนาดารวมทั้ง Canopy Growth และ Aurora Cannabis รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดขาดทุนเยอะกว่าคาด จำเป็นต้องเลื่อนกรอบเวลาทำกำไรออกไป
เหตุผลหลัก (เดียวกัน) คือ ร้านขายปลีกน้อย “ปีแรก ถ้าจะให้เกรดจึงได้แค่ซีไมนัส (C-) สอบผ่านฉิวเฉียด” นักวิเคราะห์ของซีพอร์ต โกลบอลระบุ
...
อีกหนึ่งเหตุผลทำให้ปีแรกไม่ประทับใจ แฟนๆ คือ ผู้บริโภคซื้อกัญชา (ถูกกฎหมาย) แพง ทางการโขกภาษีแพง จึงไม่ล่อใจให้ลาขาดจากกัญชาตลาดมืดได้ชะงัด
เป็นปัญหาของสายเขียวต้องปรับต้องแก้กันอีกนาน.
เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์