วงการความมั่นคงโลกจ้องกันตาไม่กะพริบ หลังวันที่ 1 ต.ค. สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดฉลองครบรอบ 70 ปี วันชาติ พร้อมสวนสนามอย่างยิ่งใหญ่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง
โดยในงานนี้มียุทโธปกรณ์อยู่ 4 อย่างที่ได้รับความสนใจคือ ขีปนาวุธข้ามทวีปแบบฐานปล่อยเคลื่อนที่รุ่นตงเฟิง-41 เชื่อพิสัยทำการสูงสุด 15,000 กิโลเมตร และจรวดร่อน ตงเฟิง-17 เชื่อพิสัยทำการสูงสุด 2,500 กิโลเมตร ทั้งสองรุ่นสามารถติดตั้งหัวรบธรรมดาหรือหัวรบนิวเคลียร์
แน่นอนถึงคำว่านิวเคลียร์จะฟังดูน่ากลัว แต่ในความจริงแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้นเพราะโลกอยู่ในสภาวะป้องปรามนิวเคลียร์ด้วยนิวเคลียร์ ดังนั้นความสนใจจึงถูกเทไปให้ “เทคโนโลยีไร้คน” สองอย่างหลัง ลำดับแรกคืออากาศยานไร้คน รุ่นจีเจ-11
ลักษณะเหมือนเครื่องบินสเตลธ์เอฟ-111 ผสมผสานกับบินทิ้งระเบิดบีทูของสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่า อาจถูกออกแบบสำหรับทำภารกิจจู่โจมเป้าหมายทางยุทธศาสตร์แบบไม่ให้ทันตั้งตัว ด้วยรูปทรงที่พรางเรดาร์ตรวจจับ มีระบบอาวุธที่เก็บอยู่ภายในตัวเครื่อง สอดคล้องกับชื่อรุ่นจีเจหรือกงจี ที่แปลว่าโจมตี
อย่างที่สองคือ ยานไร้คนใต้น้ำ (เอยูวี) รุ่นเอชเอสยู-001 ซึ่งลักษณะคล้ายกับเรือดำน้ำที่ถูกจับมาย่อส่วน ติดตั้งเครื่องยนต์แบบใบพัด 2 เครื่อง นักวิเคราะห์พยายามมองว่าส่วนหัวที่เป็นหน้าตัด อาจมีการติดตั้งระบบโซนาร์ตรวจจับขนาดใหญ่ ขณะที่เสา 2 แท่งที่อาจเป็นตัวส่ง-รับสัญญาณ หรือกล้องมองเหนือผิวน้ำ สามารถพับเก็บลงในตัวเรือ เพื่อลดพื้นผิวการถูกตรวจพบ
ยุทโธปกรณ์อย่างหลังถูกมองว่าอาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมการรบทางทะเล เพราะการใช้โดรนไร้คนใต้น้ำใช้ต้นทุนสูงและมีความซับซ้อน ขนาดที่กองทัพเรือสหรัฐฯเองก็ยังไม่พร้อมที่จะนำเข้าประจำการ
...
อย่างไรก็ตาม นายเหวย ตงสู นักวิเคราะห์การทหารในกรุงปักกิ่ง มองว่ากองทัพจีนบรรลุความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีไร้คนแล้ว ขณะที่ พล.ต.ตัน หมิน รองผู้อำนวยการฝ่ายจัดสวนสนามครั้งนี้ ยืนยันว่า สิ่งที่นำมาแสดงทั้งหมดนั้น เป็นยุทโธปกรณ์ที่กองทัพจีนนำเข้าประจำการเรียบร้อย
หลังจากนี้ การสะสมอาวุธในรูปแบบไร้คนของชาติมหาอำนาจต่างๆ คงมีการขยับตัวกันมากขึ้น.
ตุ๊ ปากเกร็ด