ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์ทวิตเตอร์เมื่อ 12 พ.ค. ยืนยันว่าสหรัฐฯอยู่ในที่ที่ถูกต้องและต้องการอยู่กรณีขัดแย้งปัญหาการค้ากับจีน และว่าจีนเป็นฝ่ายผิดสัญญาและกลับมาขอเจรจากันใหม่ จีนจะจ่ายภาษีสินค้านำเข้าให้สหรัฐฯหลายพันล้านดอลลาร์ ไม่ใช่ผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ต้องจ่าย

ท่าทีของทรัมป์มีขึ้นหลังผู้แทนการค้าของจีนและสหรัฐฯ หารือกันที่กรุงวอชิงตันเมื่อ 2-3 วันก่อนแต่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ทันกำหนดเส้นตายภายใน 10 พ.ค. แม้เวทีการหารือไม่ถึงกับวงแตก ทรัมป์ยังสั่งให้เริ่มกระบวนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออีกทั้งหมด 325,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 10.4 ล้านล้านบาท) ในอัตรา 25% และการสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนชุดก่อนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 6.4 ล้านล้านบาท) ที่รวมทั้งปลา กระเป๋าถือ เสื้อผ้าและรองเท้า จาก 10% เป็น 25% ซึ่งทรัมป์ประกาศเมื่อ 5 พ.ค.มีผลบังคับใช้หลังช่วงเที่ยงคืนวันที่ 10 พ.ค.

และหลังนายแลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระดับสูงของนายทรัมป์ระบุว่าสหรัฐฯ และจีนจะได้รับผลกระทบจากปัญหาขัดแย้งทางการค้าด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ยังมั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในช่วงเติบโตจะไม่เสียหายจากพิษภัยการตั้งกำแพงภาษีสินค้าตอบโต้กันระหว่างสหรัฐฯและจีน นายทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนควรจะหารือกันนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่และเศรษฐกิจเกิดใหม่ 20 ประเทศ (จี 20) ที่นครโอซากาของญี่ปุ่นช่วง 28-29 มิ.ย.

โดยแม้นายทรัมป์ยืนยันจีนจะเป็นฝ่ายเสีย เปรียบจากสงครามการค้าระหว่างกัน แต่ข้อมูลการค้าที่ปรากฏพบว่าราคาสินค้าหลากหลาย เช่น จักรยานและจักรเย็บผ้าล้วนราคาแพงขึ้น ข้อมูลรัฐบาลพบด้วยว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ทั้งสองประเทศขึ้นภาษีสินค้าตอบโต้กันรอบแรกเมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา เพราะผู้จ่ายภาษีคือผู้นำเข้าแล้วผลักภาระต่อให้ผู้บริโภคชาวอเมริกัน

...

ด้านกระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงว่ารัฐบาลจีนจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากภายนอก จีนมีความมั่นใจและศักยภาพเพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย ต่อมารัฐบาลจีนแถลงมาตรการตอบโต้ โดยจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ตั้งแต่ 5-25% รวมมูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์
มีผลใน 1 มิ.ย.