สื่อรัสเซียเผยแพร่สถานที่ 5 แห่งในสหรัฐฯ ที่รัสเซียจะโจมตีก่อนหากเกิดสงครามขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างทั้ง 2 ประเทศ หลังผู้นำสหรัฐฯ ถอนตัวจากสนธิสัญญาควบคุมอาวุธ...

สำนักข่าว เดลีเมล รายงานเมื่อ 25 ก.พ. 2562 ว่า รายการโทรทัศน์ ‘เวสติ เนเดลี’ ของรัสเซีย รายงานระบุชื่อฐานทัพอเมริกันที่รัสเซียจะโจมตีด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ในกรณีที่สงครามนิวเคลียร์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศอุบัติขึ้น โดยระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าวจะสามารถเดินทางถึงเป้าหมายได้ภายในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น

ดีมิทรี คิเซลยอฟ ผู้ประกาศข่าวชาวรัสเซีย
ดีมิทรี คิเซลยอฟ ผู้ประกาศข่าวชาวรัสเซีย

เวสติ เนเดลี เผยแพร่ภาพแผนที่สหรัฐฯ และจุดเป้าหมายหลายแห่ง โดยนายดีมิทรี คิเซลยอฟ ผู้ประกาศข่าวซึ่งมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลเครมลิน ระบุว่า อาคารห้าเหลี่ยม ‘เพนตากอน’ ที่ทำการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และ ‘แคมป์ เดวิด’ ซึ่งเป็นสถานที่ส่วนตัวของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ในรัฐแมรีแลนด์ ซึ่งไม่มีการเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งแน่ชัด จะเป็นเป้าหมายโจมตีอันดับต้นๆ รวมไปถึงสถานีวิทยากองทัพเรือ ‘จิม ครีค’ ในรัฐวอชิงตันด้วย

...

นายคิเซลยอฟ ยังระบุชื่อเป้าหมายอีก 2 จุดคือ ศูนย์ฝึกทหาร ‘ฟอร์ต ริตชี’ ในรัฐแมรีแลนด์กับฐานทัพอากาศ ‘แมคเคลลเลน’ ในแคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตาม สถานที่ทั้ง 2 แห่งถูกยกเลิกใช้งานและถูกทิ้งร้างไปแล้วตั้งแต่ปี 2541 และ 2544 ตามลำดับ

ผู้ประกาศข่าวรายนี้กล่าวในรายงานด้วยว่า ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ‘ซีร์คอน’ ที่รัสเซียกำลังพัฒนา สามารถโจมตีเป้าหมายเหล่านี้ได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาทีหากถูกยิงออกจากเรือดำน้ำ “สำหรับตอนนี้ เราไม่ได้ข่มขู่ใคร แต่หากสงครามเกิดขึ้น การตอบโต้ของเราจะเกิดขึ้นในทันที”

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประกาศว่าพวกเขาพร้อมทำให้เกิดวิกฤติขีปนาวุธที่คิวบาอีกครั้ง หากสหรัฐฯ ต้องการ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ถอนตัวจากสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ที่ทั้ง 2 ฝ่ายทำไว้ร่วมกันในยุคสงครามเย็น

วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย
วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย

อย่างไรก็ตาม เดลีเมล ระบุว่า รายงานเรื่องเป้าหมายการโจมตีในสหรัฐฯ ของเวสติ เนเดลี ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องผิดปกติ แม้จะเป็นสื่อรัสเซียที่ขึ้นชื่อเรื่องความก้าวร้าวก็ตาม เดลีเมลยังได้สอบถามถึงเรื่องนี้กับเครมลินด้วย และได้รับคำตอบว่า พวกเขาไม่ได้แทรกแซงนโยบายของรายการโทรทัศน์