จิม วาร์นีย์ นักดำน้ำเบลเยียมแสดงนำในหนังสารคดีเรื่อง “นางนอน” The Cave ภารกิจช่วย 13 ชีวิตหมูป่าออกจากถ้ำหลวง

เมื่อ 1 ก.พ. 2562 บุญธง ก่อมงคลกูล ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำประเทศเบลเยียมรายงานว่า ภาพยนตร์เรื่อง “นางนอน” หรือ The Cave เป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องแรกที่มีกำหนดลงโรงฉายทั่วโลกในเดือนกรกฎาคม ปีนี้ มีนายจิม วาร์นีย์ ชาวเบลเยียมเป็นนักแสดงเอกในภาพยนตร์ที่มีเรื่องราวของการทำงานแข่งกับเวลาเพื่อที่จะช่วยชีวิตนักฟุตบอลเยาวชนจำนวน 12 คน และโค้ช 1 คน ให้ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำที่ถูกน้ำท่วมทางภาคเหนือของประเทศไทยที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน

ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 คนทั่วโลกต้องกลั้นลมหายใจร่วมลุ้นในปฏิบัติการกู้ภัยเพื่อช่วยเหลือปล่อยทีมหมูป่าที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงซึ่งเป็นถ้ำที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงรายในภาคเหนือของประเทศไทย เป็นเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาเลย ซึ่งแม้ในขณะที่เด็กๆ และโค้ชของพวกเขายังคงเป็นติดอยู่ภายในถ้ำ ก็สามารถดึงดูดความสนใจในการดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์สารคดี

...

"ผมอยู่ในไอร์แลนด์กับครอบครัว เราก็เหมือนคนอื่นๆ ที่ติดตามดูข่าวทางโทรทัศน์และหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ และในเวลานั้นผมก็ไม่คิดว่าจะสร้างภาพยนตร์ ผมคิดเพียงแต่ว่า คงจะมีคนอื่นที่จะฉกฉวยโอกาสทองนี้" ทอม วอลเลอร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Cave และผู้อำนวยการบริษัทผลิตภาพยนตร์ De Warrenne Picture ระบุ

ภาพยนตร์เรื่อง "นางนอน" ในชื่อภาษาไทย และ "The Cave" ชื่อภาษาอังกฤษ ได้ถ่ายทำในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2561 คาดว่าจะนำออกฉายในเดือนกรกฎาคม 2562 เป็นเวลาครบหนึ่งปี หลังจากเกิดเหตุการณ์จริง ภาพยนตร์เรื่องนี้มีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง เป็นเรื่องราวของนักดำน้ำที่อาสาสมัครมาช่วยชีวิตและทีมอาสาสมัครที่ปฏิบัติการอยู่ที่ถ้ำหลวง รวมถึง จิม วาร์นีย์ นักประดาน้ำชาวเบลเยียม

”ผมอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ไอริชและบทความเกี่ยวกับ จิม วาร์นีย์ อาสาสมัครกู้ภัยชาวเบลเยียมที่อาศัยอยู่ในไอร์แลนด์ และผมพบว่า เรื่องราวของเขาช่างเหลือเชื่อ จนผมคิดว่าผมจะต้องสร้างภาพยนตร์ขึ้นมาสักเรื่อง” ทอม วอลเลอร์ กล่าว

จิม วาร์นีย์ เป็นนักดำน้ำ-นักสำรวจถ้ำที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี เขาได้รับการยกย่องจากเพื่อนร่วมงานของเขาว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญที่สุดในโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่ชาวเบลเยียมจากเมืองเลนนิคและพำนักอาศัยอยู่ในประเทศไอร์แลนด์จะถูกเรียกตัวให้เข้าร่วมปฏิบัติการกู้ภัยของถ้ำหลวงในเดือนกรกฎาคม 2561 ในช่วงเวลาแห่งการนำตัวเด็กและโค้ชออกมาจากถ้ำ เขารับบทนักประดาน้ำสนับสนุนในวันแรก เขาทำหน้าที่แทนนักดำน้ำที่ป่วยในวันที่สอง และเขาได้ทำหน้าที่นำโค้ชเอกพล จันทะวงษ์ออกจากถ้ำด้วยตนเอง

จากหน้าที่นักดำน้ำสู่บทบาทนักแสดง เหลือเพียงขั้นตอนเดียวเท่านั้น เมื่อกลับมาถึงไอร์แลนด์ ทอม วอลเลอร์ จึงตัดสินใจเดินทางไปพบกับฮีโร่ "การช่วยเหลือเมื่อเดือนกรกฎาคม 61 เป็นการดำเนินการที่เหนือความเป็นจริง ทีมหน่วยกู้ภัยถือว่าเป็นสิทธิพิเศษที่ได้รับความไว้วางใจปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ เมื่อผมกลับมาถึงไอร์แลนด์ ทอม วอลเลอร์ ติดต่อผม และเราได้พบกันหลายครั้ง ในเวลานั้นผมได้รับข้อเสนอจากผู้สร้างภาพยนตร์หลายเรื่องที่ขอซื้อลิขสิทธิ์เรื่องราวปฏิบัติการของผม แต่กับทอมเรามีความสัมพันธ์ที่มีพื้นฐานของความไว้วางใจ และแน่นอนว่าการสร้างที่เป็นการผลิตของไทยโดยผู้กำกับจากต่างประเทศเข้ามามีบทบาท เหมือนความจริงที่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวของผมเท่านั้น หากยังรวมถึงทีมกู้ภัยทั้งหมดที่เข้าร่วมปฏิบัติการที่ถ้ำหลวงในเดือนกรกฎาคมด้วย

ผู้ชมภาพยนตร์จะสามารถค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังอุโมงค์คดเคี้ยวและส่วนที่ลึกมากของถ้ำ" จิม วาร์นีย์กล่าว เขาได้อยู่เคียงข้างทอม วอลเลอร์ ในการเขียนบทภาพยนตร์รวมทั้งรายละเอียดทั้งหมดด้วย โดยตลอดช่วงเวลาสองสัปดาห์ของการถ่ายทำ จิมสามารถให้ความมั่นใจด้านเทคนิคที่มีความถูกต้องแม่นยำมาก นอกจากนั้น เขายังได้เล่นในบทบาทที่เป็นตัวของเขาเองอีกด้วย จึงเป็นประสบการณ์ที่ตอกย้ำ

"การถ่ายทำเป็นไปด้วยความเครียด ยากยิ่งกว่าปฏิบัติการการช่วยเหลือจริงเสียอีก เพราะการถ่ายทำในแต่ละวันยาวนานมาก เราต้องเล่นฉากเดียวกันซ้ำๆ หลายครั้ง ผมมักจะคิดย้อนกลับไปถึงตอนปฏิบัติการจริง โดยเฉพาะเมื่อถ่ายทำฉากกับเด็กๆ ในฐานะนักดำน้ำสำรวจถ้ำ เราได้รับการฝึกอบรมเพื่อที่จะควบคุมอารมณ์ ทว่าการรบกวนของสื่อหลังจากการเข้าช่วยเหลือ ผมจึงไม่ได้มีโอกาสคลายเครียดเลย เพิ่งจะไม่กี่สัปดาห์นี้ที่ผมสามารถผ่อนคลายอารมณ์ออกมาได้ มันแปลกประหลาดเพราะมันนานมากแล้ว ผมคิดว่ามันหายไปแล้ว ผมรอคอยที่จะดูภาพยนตร์อย่างใจจดใจจ่อ".

...