ช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราเคยได้ยินแต่ เส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 ของจีน ที่เริ่มมาจากโครงการ 21th Century Maritime Silk Road ของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำตลอดกาลของจีน แล้วขยายมาเป็น One Belt one road (OBOR) หรือ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง บางทีก็เรียกกันว่า BRI (Belt and Road Initiative) วันนี้ผู้นำจีนกำลัง เพิ่มเส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 อีกหนึ่งเส้นทาง นั่นคือ Digital Silk Road (DSR) เส้นทางสายไหมดิจิทัล ที่เป็น เส้นทางสายไหมใหม่สายที่ 3 ของจีน ที่จะแผ่ขยายอำนาจทางเศรษฐกิจการเมืองไปสู่ “โลกไซเบอร์” ด้วย

เพื่อให้บรรลุฝันของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รัฐบาลจีนได้สร้างเครื่องมือใหม่ขึ้นมาชิ้นหนึ่งเรียกว่า eSIM หรือ Electronic SIM ขึ้นมาแทนที่ “ซิมโทรศัพท์มือถือ” ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยไม่ต้องใช้ซิมแบบแผ่นอีกต่อไป

สัปดาห์ก่อน เว็บไซต์ไชน่าเดลี ของรัฐบาลจีน รายงาน เขตปกครองพิเศษกว่างซีจ้วง ที่อยู่ทางใต้ของจีนติดกับ เวียดนาม และทะเลจีนใต้ มี หนานหนิง เป็นเมืองหลวง ได้เปิดตัว บริการ eSIM หรือ อิเล็กทรอนิกส์ซิม สำหรับ โทรศัพท์มือถือ เป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่มีเป้าหมายหลักคือ ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้ง ประเทศไทย เพื่อผลักดันโครงการ Digital Silk Road เส้นทางสายไหมดิจิทัล เส้นทางสายไหมเส้นใหม่ของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด

การแผ่ขยายอำนาจสู่โลกไซเบอร์ของผู้นำจีนครั้งนี้ น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

เว็บไซต์ไชน่าเดลี รายงานว่า โครงการอิเล็กทรอนิกส์ซิม (eSIM) ถือเป็นแฟล็กชิป โปรแกรมของ China–ASEAN Information Harbor ที่มีการริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2014 โครงการนี้จะช่วย อำนวยความสะดวกจีนในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การค้า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การแบ่งปันข้อมูล ฯลฯ เพื่อให้จีนกับอาเซียนมีความใกล้ชิดกันมากขึ้นในอนาคต รัฐบาลจีนยังได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัท China–ASEAN Information Harbor Co. ขึ้นใน 2016 โดยมีสำนักงานใหญ่ที่เมืองหนานหนิง เขตปกครองพิเศษกว่างซีจ้วง เพื่อเป็นผู้บริหารโครงการ eSIM อีกด้วย

...

Li Ying กรรมการผู้จัดการของบริษัท กล่าวว่า ภารกิจของเราคือ ทำให้กว่างซีเป็นศูนย์ข้อมูลข่าวสาร Information Hub ด้วยการสร้าง Digital Silk Road ไปยังประเทศอาเซียนทุกประเทศ โดยมีตลาดอาเซียนเป็นเป้าหมายหลัก (อาเซียนมีประชากรรวมกัน 655 ล้านคน เท่ากับครึ่งของประชากรจีน 1,400 ล้านคน) ตอนนี้ “บริการอีซิม” ได้เปิดให้บริการใน มาเลเซีย และ เมียนมา แล้ว กำลังจะเปิดให้บริการใน กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย

Qin Qian ผู้จัดการอีซิมในมาเลเซีย เล่าว่า อีซิมกำลังได้รับความนิยมในมาเลเซีย ผู้ซื้อโทรศัพท์มือถือสามารถเลือกเบอร์โทรศัพท์อีซิมจากอินเตอร์เน็ตได้เอง โดยไม่ต้องใส่ซิมในเครื่องอีกต่อไป แต่เธอไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขว่ามีผู้ใช้บริการอีซิมจำนวนเท่าไหร่ ผู้ใช้อีซิมบริษัทเทเลคอมจีนจะคิดค่าโรมมิ่งในต่างประเทศถูกมาก

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เรียกเส้นทางสายไหมใหม่ Digital Silk Road ว่า Space and Information Corridor นอกจาก กลุ่มประเทศอาเซียน ที่เป็นเป้าหมายหลักแล้ว ผู้นำจีนยังแผ่ขยาย Digital Silk Road ไปยัง รัฐอาหรับ ในตะวันออกกลางอีกด้วย

โครงการนี้ ไม่ใช่มีแค่ eSIM อย่างเดียว แต่จะประกอบไปด้วย โครงสร้างพื้นฐานหลัก ที่จีนกำลังรุกอย่างหนักคือ การเร่งวางเคเบิลไฟเบอร์ออปติกใต้ทะเล เพื่อเชื่อมต่อไปยังทุกทวีปนับร้อยประเทศใน เส้นทางสายไหมใหม่ เพื่อเป้าหมาย Made in China 2025 และวันนี้ได้เพิ่มเป้าหมายใหม่ Internet Plus เข้าไปด้วย

อ่านข้อมูลเหล่านี้แล้ว ผมเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมสหรัฐฯจึงประกาศสงครามการค้ากับจีนทุกรูปแบบ ยิ่งเข้าถึงข้อมูลก็ยิ่งเห็น สงครามการค้าโลกคงไม่จบลงง่ายๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องสำคัญที่สุด ที่ ประเทศไทย รัฐบาลไทย และ คนไทย จะต้องร่วมกันคิดและตัดสินใจ เราจะเลือกอยู่ข้างไหน ระหว่าง จีน กับ สหรัฐฯ ในอนาคต.

“ลม เปลี่ยนทิศ”