มีผู้อ่านท่านสนใจว่า ซานมารีโนเป็นประเทศหรือเปล่า มีสถานะเป็น Nation state หรือชาติรัฐไหม ตอบเลยครับว่ามีสถานะเป็นประเทศที่เรียกว่า Republic of San Marino สาธารณรัฐซานมารีโน ท่านที่ไปประชุมระหว่างประเทศอาจจะเคยได้ยินชื่อ Most Serene Republic of San Marino ซึ่งเป็นชื่อทางการอีกชื่อหนึ่งของซานมารีโน เป็นประเทศอิสระนะครับ ไม่ขึ้นกับใคร มีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับ 3 ของทวีปยุโรป รองจากวาติกันและโมนาโก แต่ถ้าพูดถึงความเก่าแก่ มีคนบอกกับผมว่า ซานมารีโนเป็นสาธารณรัฐเก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งที่อยู่ยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน
หลายท่านนึกไม่ออกว่าซานมารีโนอยู่ในส่วนใดของโลก ขอเรียนว่า อยู่ในดินแดนของสาธารณรัฐอิตาลี ห่างจากชายฝั่งทะเลเอเดรียติกเข้าไปประมาณ 18 กิโลเมตร ทั้งประเทศมีเนื้อที่เพียง 61 ตารางกิโลเมตร เมืองหลวงก็คือ กรุงซานมารีโน ประชากรทั้งประเทศมีเพียงสามหมื่นกว่าคน ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ใช้อิตาลีเป็นภาษาราชการ
ภูมิประเทศของซานมารีโนเป็นภูเขาสูง บางแห่งเป็นเนินเขาเตี้ยๆ บนเนินเขาก็จะเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านขนาดเล็ก แต่ยอดเขาที่เด่นๆ มีอยู่ 3 แห่งบนยอดภูเขาตีตาโน ซานมารีโนโดดเด่นเรื่องทางศาสนา สมัยก่อน คนชอบไปสวดมนต์ ที่ประเทศนี้ เพราะมี Chapel หรือหอสวดมนต์อยู่บนยอดเขาต่างๆ ในสมัยโรมัน ดินแดนอื่นถูกพวกโรมันตี แต่ชุมชนซานมารีโนรอดเพราะถูกเทือกเขากั้น จึงอยู่เป็นอิสระมาได้ยาวนาน
แม้ว่าจะมีจำนวนน้อย แต่ชาวซานมารีโนที่เรียกว่า Sam–marinese เก่งเรื่องการสู้รบและเป็นพวกที่หวงแหนความเป็นอิสระ เคยถูกมหาอำนาจบุกเข้ามาโจมตีหลายครั้ง แต่ชาวซานมารีโนก็ต่อต้านได้ นอกจากจะรบเก่งแล้ว ก็ยังมีภูมิประเทศที่เป็นเขาสูงชัน บุกเข้าโจมตียาก
นายพลนโปเลียน โบนาปาร์ต เคยบุกเข้ามาถึงตอนเหนือของอิตาลี แต่พอมาเจอซานมารีโนก็ไม่ทำอะไร แถมยังชื่นชมความเป็นสาธารณรัฐเสรีนิยมและให้การยอมรับเอกราชของซานมารีโน นโปเลียนประทับใจถึงขนาดเสนอให้มีดินแดนเพิ่ม แต่ชาวซานมารีโนไม่เอา บอกกับนโปเลียนว่า เพราะซานมารีโนยากจนและมีแผ่นดินน้อย ทำให้ไม่มีใครอยากได้ จึงรอดจากการยึดครองของเพื่อนบ้านที่ยิ่งใหญ่มาตลอด
...
หลังสงครามนโปเลียนมีการประชุมใหญ่แห่งเวียนนา ตอนนั้นก็มีการปรึกษากันว่า ที่ประชุมจะประกาศรับรองพวกสาธารณรัฐเก่าแก่แห่งไหนบ้าง ก็ไล่กันไปที่ละชื่อครับ ชื่อแรกคือสาธารณรัฐลุกโก ปรากฏว่าที่ประชุมไม่รับรอง สาธารณรัฐเจโนวา ก็ไม่ได้รับการรับรอง แม้แต่เวนิส ซึ่งเป็น สาธารณรัฐเก่าแก่เช่นเดียวกันก็ไม่ได้รับการรับรอง พอถึงสาธารณรัฐซานมารีโน ที่ประชุมใหญ่แห่งเวียนนารับรองทันที
ซานมารีโนเป็นประเทศที่ยินดีต้อนรับผู้ลี้ภัย จึงเคยเป็นที่ลี้ภัยของนักการเมืองปฏิวัติเป็นจำนวนมาก ทั้งที่อยู่ในดินแดนของอิตาลี แต่รัฐบาลอิตาลีก็รับรองความเป็นเอกราชของซานมารีโน แถมยังสัญญาที่จะให้การคุ้มครองประเทศเล็กชาติน้อยแห่งนี้ อย่างดีอีกด้วย อิตาลีและซานมารีโนร่วมตัวกันในสหภาพศุลกากร และอิตาลีเคยอนุญาตให้ซานมารีโนใช้หน่วยเงินของตนเอง
ซานมารีโนเป็นประเทศที่ให้สวัสดิการสังคมแก่ประชาชนอย่างดีมาก มีการรักษาพยาบาลฟรี มีบริการคนชราเป็นเลิศ รัฐบาลจัดหาที่อยู่อาศัยและงานให้แก่ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ ใครจะไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศรัฐก็จัดการให้
ซานมารีโนไม่มีทรัพยากรแร่ธาตุ เศรษฐกิจของประเทศอยู่กับการท่องเที่ยวเป็นหลัก รองมาก็เป็นการผลิตวัสดุก่อสร้าง พวกสี เครื่องเรือน สิ่งทอ เสื้อผ้า ถ้วยโถโอชาม เครื่องสำอาง ไวน์ อาหาร ฯลฯ ที่ดังอีกอย่างหนึ่งของซานมารีโนคือ การผลิตตราไปรษณียากร และเหรียญกษาปณ์
ทั้งหมดนี่แหละครับคือ เรื่องราวของซานมารีโน.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com