และแล้ว นายเจฟฟ์ เบซอส (Jeff Bezos) เจ้าพ่ออเมซอน-ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ก็ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก แซงบิลล์ เกตส์ มหาเศรษฐี แชมป์รวยสุดในโลก 7 ปีซ้อนไปได้เรียบร้อย
บลูมเบิร์ก และฟอร์บส์ ยกให้เจฟฟ์ เบซอส เป็นบุคคลที่ร่ำรวยสุดในโลกในปี 2561 ซึ่งข้อมูลล่าสุดจากนักวิเคราะห์มหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า เบซอส มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน วัย 53 ปี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมหาศาลถึง 1.06 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 3.3 ล้านล้านบาท) ส่วน ฟอร์บส์ ประเมินไว้ว่าเบซอสมีทรัพย์สินอยู่ที่ 1.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ตามรายงานของบลูมเบิร์ก ระบุว่าตอนนี้ บิลล์ เกตส์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ไมโครซอฟท์ มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 9.27 หมื่นล้านดอลลาร์ และมหาเศรษฐีรวยอันดับ 3 ของโลกคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังชาวอเมริกัน มีทรัยพ์สิน 8.84 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนอันดับ 4 คือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก สื่อสังคมออนไลน์ใหญ่สุดในเวลานี้ มีมูลค่าทรัพย์สิน 7.73 หมื่นล้านดอลลาร์
ด้วยเหตุนี้ ไทยรัฐออนไลน์ จึงอยากพาคุณผู้อ่านมารู้จักกับ เจฟฟ์ เบซอส ผู้ชายที่มีวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกล (มากๆ) บวกกับความมุ่งมั่นฟันฝ่าปัญหานานัปการ ของนักธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ หนุ่มคนนี้ ที่บุกเบิกทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ อเมซอนดอตคอมอย่างมุ่งมั่นมาตั้งแต่ 23 ปีก่อน จนสามารถก้าวขึ้นมานั่งแท่นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกในปี 2561
*จบปริญญาตรีจากคณะวิทยาศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์
เจฟฟ์ เบซอส เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2507 ที่เมืองอัลบูเคอร์คิว รัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐฯ พ่อแม่ของเจฟฟ์ เบซอสได้เลิกรากันและแต่งงานใหม่ทั้งสองฝ่าย โดยพ่อเลี้ยงของเจฟฟ์ คือ มิเกล หรือ ไมค์ เบซอส เป็นคนสัญชาติคิวบา ซึ่งมาอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่อายุ 15 ปี และไมค์ เบซอส ได้รับเจฟฟ์ เป็นลูก จึงทำให้เจฟฟ์ใช้นามสกุลตามพ่อเลี้ยง ซึ่งทำงานเป็นวิศวกรของบริษัทเอ็กซอน (Exxon)
...
เจฟฟ์ เป็นคนรักการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะแนววิทยาศาสตร์ และสนใจเรื่องการประดิษฐ์ จึงทำให้บ้านที่เขาอยู่เต็มไปด้วยสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง และพอเขาเข้าเรียนระดับปริญญาตรี เจฟฟ์ จึงได้เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์เอกคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมการไฟฟ้า ด้วยผลการเรียนเยี่ยมยอด ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2529
*เริ่มงานแรก ด้วยการทำงานกับบริษัทหุ้นในวอลล์สตรีท
หลังเจฟฟ์ จบปริญญาตรี เขาเริ่มต้นการทำงานที่บริษัทหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ วอลล์สตรีท ที่นิวยอร์ก ซึ่งเมื่อ 31 ปีก่อน มีความต้องการนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์อย่างมาก เพื่อออกแบบคอมพิวเตอร์มาวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดหุ้น ซึ่งก้าวแรกในการทำงานที่นี่ ทำให้เจฟฟ์สามารถใช้ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ ผสมผสานกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
จากนั้น เจฟฟ์ ได้เริ่มต้นทำงานที่บริษัท Fitel ซึ่งเป็นบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในการค้าขายเงินตราต่างประเทศ ทำที่ Fitel ได้ 2 ปี ต่อมา เจฟฟ์ ได้ย้ายไปทำงานที่บริษัท Banker Trust เริ่มจากตำแหน่งนักพัฒนาซอฟต์แวร์ จนก้าวหน้าได้เป็นรองประธานบริษัท ก่อนจะผันตัวไปทำงานกับบริษัทการลงทุนกองทุนเฮดจ์ฟันด์ D. E. Shaw & Co.
*ก่อตั้ง ‘อเมซอนดอตคอม’ ตั้งแต่ 23 ปีที่แล้ว
เจฟฟ์ ได้ก่อตั้งเว็บไซต์ขายสินค้าทางออนไลน์ amazon.com เมื่อปี 2537 หลังจากเขาได้ขับรถยนต์ข้ามประเทศจากนิวยอร์กไปซีแอตเทิล ในระหว่างการขับรถอันยาวนั้น เขาได้เขียนแผนธุรกิจขายสินค้าทางออนไลน์ไปด้วย
เริ่มแรกของการก่อตั้งบริษัทอเมซอนนั้น เจฟฟ์ ได้ใช้โรงรถเล็กๆ ของเขาเป็นที่ทำการ หรือออฟฟิศของบริษัท หลังตัดสินใจยอมทิ้งเงินเดือนงามๆ จากการทำงานในบริษัทลงทุนเฮดจ์ฟันด์ที่นิวยอร์กไว้เบื้องหลัง ด้วยความมั่นใจเกินร้อยว่าการขายสินค้าปลีกทางออนไลน์มีอนาคตไกล เนื่องจากผู้คนใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทอเมซอน สามารถสร้างกำไรได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 30 วัน และ 2 เดือนต่อมา สามารถสร้างยอดขายได้ถึง 20,000 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์
*เริ่มจากขายหนังสือทางออนไลน์ก่อนเป็นลำดับแรก
เจฟฟ์ ได้เริ่มขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต ด้วยการเลือกหนังสือมาขายก่อนเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกัน เขาก็พยายามเรียนรู้ธุรกิจหนังสือให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในระยะเวลา 2 ปี อเมซอนดอตคอม สามารถสร้างยอดขายสินค้าที่เพิ่มชนิดขึ้นเรื่อยๆ ได้มากกว่า 200% นับจากวันแรก ทำให้ต่อมา เจฟฟ์ได้นำหุ้นของบริษัทอเมซอนออกขายแก่สาธารณชน (ไอพีโอ) เมื่อปี 2540 ซึ่งตอนนั้นมูลค่าหุ้นของอเมซอนอยู่ที่ประมาณกว่า 400 ล้านดอลลาร์
...
*เจ้าโปรเจกต์ขนานแท้ แตกไลน์ธุรกิจมากมาย
เจฟฟ์ ไม่ได้หยุดแค่ขายหนังสือและขยับขยายสินค้าอื่นๆ ทางออนไลน์อเมซอนดอตคอมเท่านั้น เขาได้แตกไลน์ธุรกิจออกไปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจซีดี, ดีวีดี, ของเล่น และอิเล็กทรอนิกส์ จนทำให้ปี 2543 นิตยสารไทม์ ได้เลือก เจฟฟ์ เบซอส เป็นบุคคลแห่งปี
ในการแตกไลน์ธุรกิจมากมายของเจฟฟ์นั้น รวมทั้งการซื้อกิจการหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ เมื่อปี 2556 โดยเจฟฟ์ได้ทุ่มเงินถึง 250 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกิจการ ‘วอชิงตัน โพสต์‘ หนังสือพิมพ์ชื่อดังของสหรัฐฯ จากตระกูลเกรแฮม ซึ่งเป็นเจ้าของสื่อยักษ์ฉบับนี้มานานกว่า 80 ปี
*ฟอร์จูน ยกให้เป็นบุคคลทรงอิทธิพลที่สุดแห่งปี 59
เว็บไซต์ ฟอร์จูน โหวตจัดอันดับให้ เจฟฟ์ เบซอส เป็นบุคคลทรงอิทธิพลที่สุดประจำปี 2559 กระโดดขึ้นจากอันดับ 27 เมื่อปี 2558 โดยฟอร์จูนได้ให้ผู้ใช้เว็บไซต์จากทั่วโลกลงคะแนนโหวตเฟ้นหาบุคคลระดับผู้นำยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก และปีนั้นผลโหวตออกมายกให้ เจฟฟ์ เบซอส ทรงอิทธิพลอันดับหนึ่งของโลก ตามด้วยอันดับ 2 ได้แก่ นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี และอันดับ 3 นางออง ซาน ซูจี อันดับ 4 สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส
...
*ยุคออนไลน์แรงสุดๆ เจฟฟ์ เบซอส รวยฉุดไม่อยู่!
ด้วยความที่ยุคนี้เป็นยุคออนไลน์มาแรงสุดๆ แล้ว ยิ่งทำให้ความรวยเจฟฟ์ พุ่งพรวดจนขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก มาจากมูลค่าหุ้นของบริษัทอเมซอน เว็บไซต์ค้าปลีก-ขายของออนไลน์ยักษ์ใหญ่ที่เขาถืออยู่ จำนวน 78.9 ล้านหุ้นนั้น เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1.4 จึงทำให้เมื่อวันที่ 8 ม.ค. มูลค่าทรัพย์สินของเจฟฟ์เพิ่มขึ้นถึง 1,400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 44,800 ล้านบาท
โดยมูลค่าหุ้นของอเมซอนตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7 หลังจากในช่วงปี 2560 หุ้นอเมซอนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปถึงร้อยละ 56 เลยทีเดียว
เรียกว่า เมื่อเข้าสู่ศักราชใหม่ 2561 มูลค่าหุ้นของอเมซอนดอตคอม ได้พุ่งทะยานจนทำให้ เจฟฟ์ เบซอส เป็นแชมป์มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.06 แสนล้านดอลลาร์ แทนที่ บิลล์ เกตส์ ไปเรียบร้อย!!.