"สจ.จอย" ร้อง บช.ก.โอนคดียิง "สจ.โต้ง" มากองปราบฯ รับโหดร้ายเกินไป ถูกยิงถึง 22 นัด วอนคุ้มครองพยานหวั่นไม่ปลอดภัย ลั่นไม่เผาศพ จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. 67 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยาของนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง พร้อมด้วยนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทนายนิติศักดิ์ มีขวด เข้ายื่นหนังสือขอโอนสำนวนคดีการตายของ สจ.โต้ง มาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) โดยมี พ.ต.อ.สุเทพ โตอิ้ม รอง ผบก.ป. ลงมารับหนังสือดังกล่าวด้วยตัวเอง
ทนายนิติศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้รับการประสานจาก สจ.จอย ที่เป็นภรรยาของ สจ.โต้ง เพื่อมายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เพื่อร้องขอให้ทำการโอนย้ายสำนวนคดีจาก สภ.เมืองปราจีนบุรี มาที่ บก.ป. เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคดีดังกล่าวผู้เสียชีวิตถูกยิงถึง 22 นัด และโดนจุดสำคัญทั้งหมด อีกทั้งยังมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง จึงเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะถูกแทรกแซง แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราจีนบุรีทำงานไม่ดี เบื้องต้น สจ.จอย พอใจในการทำงานของตำรวจที่สามารถจับผู้ต้องหาได้ในทันที และจะทำการฝากขังศาลจังหวัดปราจีนบุรี แต่ว่าอยากให้โอนคดีเพราะกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่หากอีกฝั่งบริสุทธิ์จริง คู่กรณีก็ต้องได้รับความเป็นธรรมด้วย เนื่องจากมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย คลิปเสียง ก็ให้นำพิสูจน์ที่ บก.ป.
ด้าน นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า ตนมาในฐานะเป็นพี่คนสนิทของ สจ.โต้ง ยืนยันว่าจะไม่ให้ สจ.โต้ง ตายฟรีแน่นอน โดยจะมีการตั้งทีมทนายความทั้งหมด 2 ชุดมาดำเนินการ และยังได้มีการประสานทาง บก.ป. ไว้แล้วเรียบร้อย วันนี้จึงมายื่นเอกสารอย่างเป็นทางการเพื่อให้ทำการโอนคดี
...
นอกจากนี้ ยังอยากร้องขอให้คุ้มครองพยาน ทั้ง สจ.จอย และลูกชาย รวมถึงพยานที่จะนำมาให้ตำรวจ บก.ป. เป็นผู้สอบปากคำเท่านั้น
เมื่อถามว่า สจ.โต้ง และนายสุนทร ได้มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนหรือไม่ สจ.จอย กล่าวว่า ปกติ สจ.โต้ง ก็มีปัญหากับนายสุนทร ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาสามารถตกลงกันได้ ทำให้ในวันเกิดเหตุ สจ.โต้ง จึงเข้าไปเคลียร์ใจกับนายสุนทร ซึ่งครั้งแรกที่เข้าไปเคลียร์ใจนั้น มีลูกน้องของทาง สจ.โต้ง เข้าไปด้วย และเปิดเผยว่า มีการพูดคุยกันถึงขั้นที่นายสุนทรร้องไห้ และ สจ.โต้ง ได้ก้มกราบเท้า ซึ่งการคุยครั้งแรกเคลียร์ใจกันเรียบร้อยแล้ว และ สจ.โต้ง ก็กลับเข้าไปอีกรอบ เพื่อไปส่งนายสุนทรเข้านอน และการเข้าไปครั้งที่ 2 สจ.โต้ง เข้าไปเพียงคนเดียว เพราะฝั่งคู่กรณีมีการปิดประตูรั้วไม่ให้ผู้อื่นเข้า โดยขณะเข้าไป สจ.โต้ง ไม่มีอาวุธปืน และยังเอาโทรศัพท์ฝากลูกน้องไว้ ดังนั้นเสียงปืนที่ดังขึ้นจะมาจาก สจ.โต้ง ได้อย่างไร
สจ.จอย ยอมรับว่า กังวลและเป็นห่วงลูก และต้องการให้ บก.ป. เป็นผู้รับผิดชอบคดี เพราะรู้ว่าในจังหวัดปราจีนบุรีตนไม่สามารถทำอะไรได้
เมื่อถามว่ามีการบงการหรือไม่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สจ.จอย กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการบงการหรือไม่ แต่การที่ สจ.โต้งเข้าไป ก็ไปคนเดียว ไปด้วยความไว้ใจ แต่กลับโดนยิงเข้าหน้า เข้าหัว ใครเป็นคนทำ มันโหดร้ายเกินไป ยิงแบบที่ สจ.โต้ง ไม่มีทางต่อสู้ได้ ซึ่งปกติ สจ.โต้ง ก็ไม่เคยพกอาวุธหรือลูกน้องเข้าไป เพราะคิดว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย และไว้ใจ
สจ.จอย กล่าวว่า เหตุมันเกิดขึ้นในบ้านของนายสุนทร จึงไม่มีใครรู้ว่าเป็นคำสั่งหรือไม่ โดยตนไปถึงหลังจากที่ สจ.โต้ง เสียชีวิตแล้ว และไปถึงก็ไม่สามารถเข้าบ้านได้ต้องโทรให้แม่บ้านเปิดประตูให้
นายอัจฉริยะ ได้พูดเสริมอีกว่า สิ่งที่ตำรวจพูดว่า สจ.โต้ง ขึ้นไปข้างบนแล้วถูกยิงลงมา ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะ สจ.โต้ง แค่ก้าวบันไดเพียงขั้น 2 ก็ถูกยิงจากด้านหน้า และมีการยิงซ้ำอีกหลายครั้งหลังตายไปแล้ว ซึ่ง สจ.โต้ง ยังขึ้นไปไม่ถึงห้องนอนเลย
ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่หลุดมานั้น เป็นเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ก่อนที่ สจ.โต้ง จะก้มกราบเท้า ซึ่งเป็นการคุยต่อหน้า แต่คลิปเสียงที่มีการอัดมานั้น สจ.โต้ง ได้โทรไลน์หาบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ไว้ใจมาก ซึ่งปลายสายก็ได้บันทึกเสียงไว้เพื่อเป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังอีกมีหลายคลิปและมีพยานอีกเยอะที่อยากให้สอบปากคำ โดยที่ผ่านมาทุกคนก็ห้ามไม่ให้ สจ.โต้ง เข้าไป เพราะรู้อยู่แล้วเข้าไปจะโดนอะไร
เมื่อถามว่าตอนนี้ สจ.จอย ห่วงอะไรหรือไม่ สจ.จอย กล่าวว่า ห่วงเรื่องคดี และห่วงตัวเอง อยากให้คดี สจ.โต้ง ได้รับความยุติธรรม ไม่อยากให้ตายฟรี ที่ผ่านมา สจ.โต้ง เป็นเสาหลักของครอบครัวที่คอยดูแลทุกคน ใจดีมีแต่ให้ แม้บุคลิกจะดูเป็นคนที่ชอบโวยวาย พื้นฐานเป็นคนชอบช่วยเหลือคน
และเมื่อถามว่าในคลิปเสียงที่ สจ.โต้งพูดว่า ขอให้ตัวเองได้ไปเติบโตด้วยตัวเอง และมีกระแสข่าวว่าจะไปอยู่กับพรรคการเมืองใหญ่ สจ.จอย ทราบหรือไม่ว่า สจ.โต้ง ไปขออยู่เองหรือพรรคการเมืองใหญ่มาทาบทาม สจ.จอย ระบุว่า ไม่ขอตอบเนื่องจาก สจ.โต้ง ไม่ค่อยได้พูดคุยหรือปรึกษาเรื่องนี้ ตนคอยสนับสนุนเรื่องหลังบ้านมากกว่า
...
ต่อข้อถามชนวนในการก่อเหตุมาจากการที่ สจ.โต้ง ไปตบหัว ลูกน้องโกรธจึงมีการลั่นไกปืนหรือไม่ สจ.จอย กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เพียงแค่ตบหัวจะนำไปสู่การยิงกันเลยหรือ เชื่อว่าสังคมคิดกันได้ ไม่ต้องให้คู่กรณีมาพูดหลอกพวกตน นอกจากนี้ตนยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีผลต่อการที่จะตัดสินใจลงเล่นการเมืองท้องถิ่น อย่างไรก็ตามจะต้องขอปรึกษาพูดคุยกับผู้ใหญ่ก่อน ซึ่งขณะนี้การเป็นอยู่ของตนก็มีญาติและเพื่อนๆ มาคอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อน แต่ตนก็อยู่กับลูกชายเป็นหลัก
ถามต่อว่าหาก สจ.จอย เจอนายสุนทรอยากจะพูดอะไรหรือไม่ สจ.จอย กล่าวว่า ไม่อยากพูด ไม่อยากเจอ ไม่อยากเห็นหน้า
ต่อมาในเวลา 13.50 น. ภายหลังจากการยื่นหนังสือ นายอัจฉริยะ ที่ผ่านมา สจ.โต้ง มีการระมัดระวังตัวเองมาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายในบ้านหลังนั้น
ด้าน สจ.จอย กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้รู้สึกสบายใจขึ้น แต่ก็ยังกังวลเพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคต โดยหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนกำหนดการฌาปนกิจศพของ สจ.โต้ง จากเดิมวันที่ 17 ธ.ค. ไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม.