"ตำรวจไซเบอร์" รวบขบวนการหลอกลงทุนซื้อขาย "หุ้นทองคำ" ตุ๋นเหยื่อสูญเงินกว่า 14 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2567 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. สั่งการให้ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รรท.ผบก.สอท.3 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้วที่ 147/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย. 2567 จับกุมตัวนายทวีชัย ศรไชย อายุ 45 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปี 2566 มีผู้เสียหายได้ติดต่อพูดคุยกับผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี "นายตะวัน จิตพงศ์" ได้ระยะหนึ่งจนเริ่มสนิทสนม ก่อนแนะนำให้ไปติดต่อกันทางแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อบัญชี "สู้เพื่อฝัน" จากนั้นได้เริ่มชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนซื้อขายหุ้นทองคำ โดยอ้างว่าได้กำไรดีจะมีรายได้ทุกวัน ตามจำนวนเงินที่ลงทุน จนผู้เสียหายหลงเชื่อจึงเริ่มโอนเงินเข้าร่วมลงทุน
สำหรับครั้งแรกผู้เสียหายโอนเงินร่วมลงทุนเป็นเงินจำนวน 35,010 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 35,410 บาท หลังจากนั้นได้มีเงินโอนเข้าบัญชีของผู้เสียหายจำนวน 68,840 บาท โดยได้รับค่าตอบแทนกลับมา ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าลงทุนแล้วได้กำไรจริง โดยคนร้ายชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่ม ผู้เสียหายจึงโอนเงินเพิ่มอีกจำนวน 70,000 บาท แต่ยังไม่สามารถถอนเงินทุนและกำไรคืนได้ ซึ่งคนร้ายชักชวนให้ลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีก โดยอ้างว่าสามารถทำกำไรได้มากกว่าเดิม
ทั้งนี้ ผู้เสียหายหลงเชื่อเพราะอยากได้กำไรเพิ่ม จึงโอนเงินเพิ่มอีกจำนวน 32 ครั้ง ในจำนวนเงินที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมเป็นเงินทั้งหมดจำนวน 14,512,761 บาท แต่เมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงินคืนทั้งหมด คนร้ายแจ้งว่าต้องโอนเงินเป็นค่าประกัน ค่าธรรมเนียม และค่าเบี้ยปรับมาให้ก่อนถึงจะถอนเงินคืนได้ โดยผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีกับคนร้าย
...
ต่อมา ตำรวจชุดสืบสวน บก.สอท.3 จึงทำการสอบสวนจนทราบว่านายทวีชัยเป็นผู้ร่วมขบวนการหลอกลวง ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในการรับโอนเงินจากเหยื่อ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ โดยติดตามจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนนายทวีชัย ให้การอ้างว่าได้เปิดบัญชีธนาคารให้ผู้อื่นนำไปใช้ โดยไม่ทราบว่าจะนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.3 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.