คนใช้ถนนพระราม 2 ขวัญผวา เครนเหล็ก ยกแผ่นปูนก่อสร้างทางด่วน ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว พังถล่มตอนรุ่งสาง เทกระจาดคนงานลอยละลิ่วกระแทกพื้นด้านล่าง ตายเกลื่อน 6 ศพ บาดเจ็บนับสิบ จราจรล่องใต้-เข้ากรุงติดขัดยาวเหยียดนับสิบกิโลเมตร “สุริยะ” อ้อมแอ้มจ่อตัดคะแนนผู้รับเหมาอีกแล้ว ขอเวลา 14 วัน เร่งรื้อถอนคืนผิวจราจร จี้เยียวยาเหยื่อ ความชุ่ยศพละ 1 ล้านบาท ขณะที่เจ้าของบริษัทและวิศวกรคุมงาน เก็บตัวเงียบ ไม่โผล่หัวมาชี้แจงสังคม

ชาวบ้านยังต้องผจญ “นรกพระราม 2” อีกนาน หลังถนนสายมรณะทำคนใช้รถใช้ถนนบาดเจ็บล้มตายแล้วหลายราย แต่หน่วยงานภาครัฐยังนิ่งเฉย ล่าสุดการก่อสร้างทางด่วนพระราม 2 โคตรชุ่ย เกิดอุบัติเหตุซ้ำซาก เครนเหล็กยกแผ่นปูนพังถล่ม คนงานตายเจ็บเกลื่อน ส่งผลกระทบต่อการคมนาคมขึ้น-ล่องภาคใต้ติดขัดหนัก เมื่อเวลา 04.00 น.เศษ วันที่ 29 พ.ย. ร.ต.ท.เดชนคร จันทร์ภูมิ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเกิดเหตุ ทรัส (Launching Truss) หรือโครงถักเหล็กเลื่อน เป็นอุปกรณ์ใช้ก่อสร้างทางยกระดับโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว (ช่วงที่ 3) ตอนที่ 1 อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด พังถล่มลงมา บนพื้นที่ กม.21+600-กม.22+100 ถนนพระราม 2 ขาออก หมู่ 2 ต.คอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาคร มีคนงานเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย

ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นคนงานก่อสร้าง ตกลงมาจากโครงการก่อสร้างทางด่วนด้านบน ความสูงไม่ต่ำกว่า 30 เมตร นอนเสียชีวิตบนพื้นด้านล่าง และถูกซากปูนทับอยู่ รวม 4 ศพ ทราบชื่อนายอภิวัฒน์ หรือโจ้ พะพันทาง อายุ 30 ปี ชาว จ.นครพนม นายเอยา อายุ 37 ปี นายชิต โกโก นายเพียว โกโก ทั้ง 3 รายเป็นคนสัญชาติเมียนมา และมีผู้บาดเจ็บอีก 10 ราย ถูกนำส่ง รพ.สมุทรสาคร ต่อมามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพคือ นายอ่อง เทียน เท สัญชาติเมียนมา รวมมีผู้เสียชีวิต 5 ศพ เบื้องต้นทราบว่าขณะเกิดเหตุมีคนงานก่อสร้างกำลังทำงานอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุทั้งสิ้น 39 คน คนงานที่หนีออกมาได้ยังอยู่ในอาการหวาดกลัว บางคนถึงกับเป็นลม เนื่องจากผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บเป็นญาติ

...

หัวหน้าคนงานเล่านาทีระทึกว่า ขณะที่คนงานกำลังทำงานอยู่ด้านบน ช่วงจะย้ายมาทำงานอีกข้างหนึ่ง จู่ๆ “ทรัส” หรือตัวยกแผ่นปูนได้พังถล่มลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทำให้ลูกน้องกระเด็นตกลงมาด้านล่างเสียชีวิตทันที 4 ศพ และบางคนน่าจะถูกทับอยู่ใต้ซากคานที่ถล่มลงมา ตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่จำได้คือภาพที่ลูกน้องลอยละลิ่วตกลงมากระแทกพื้นเสียชีวิตและบาดเจ็บ

เวลา 10.30 น. นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รอง ผวจ.สมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุคานปูน (Segment) และเครน (Launching Gantry Crane) เป็นชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้างทางยกระดับพังถล่ม ได้ประชุมร่วมกับฝ่ายต่างๆด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า ได้เชิญวิศวกรรมสถาน บริษัทผู้รับจ้าง และกรมทางหลวงที่รับผิดชอบโครงการมาประเมินสถานการณ์ เริ่มตั้งแต่ขนาดเครน วันเวลาที่จะยก อุปกรณ์ที่ต้องใช้ จากนั้นจะนัดผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่ายมาตกลงตัดสินใจร่วมกัน แต่ได้สั่งเครนที่จะยกมาเรียบร้อยแล้ว จะใช้รถเครนขนาด 220 ตัน ขนาด 360 ตัน และขนาด 400 ตัน รวม 3 คัน คาดว่าบ่าย 3 น่าจะมาถึงสถานที่เพื่อจะเข้าดำเนินงานในแต่ละส่วน สำหรับเรื่องการเยียวยาผู้เสียชีวิต มีกองทุนพร้อมจ่ายให้ศพละ 8 แสนบาทเศษ ส่วนผู้บาดเจ็บจะใช้เงินกองทุนดูแลจนหายเป็นปกติ

ช่วงบ่าย ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ศูนย์สันตินิรามัย รพ.สมุทรสาคร หลังรับแจ้งมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คนคือนายสุทัศน์ บุญเรือง อายุ 30 ปี สัญชาติไทย รวมมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ 6 ศพ มีผู้บาดเจ็บ 9 ราย คงเหลือนอนโรงพยาบาล 6 ราย กลับบ้านแล้ว 3 ราย

นายขวัญ บุญเรือง อายุ 33 ปี พี่ชายนายสุทัศน์ บุญเรือง อายุ 31 ปี คนงานก่อสร้าง ผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เล่าทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจ อุบัติเหตุเกิดขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว น้องชายทำงานมาหลายที่ และย้ายมาทำงานที่นี่ได้ 1 ปีแล้ว พักอยู่กับภรรยาน้องชายเป็นคนสุดท้องจากพี่น้อง 7 คน ตอนนี้ยังไม่กล้าบอกให้พ่อรู้ เพราะพ่อกำลังไม่สบาย กลัวเป็นอะไรขึ้นมาอีกคน จากนี้จะรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดโคกเกลา ต.โคกมะขาม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์

น.ส.โสภิตา เปียกกระโทก อายุ 28 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต บอกว่า เสียใจมากไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้ ลูกกับเมียจะอยู่อย่างไร ตนกับสามีมีลูกชายคนเดียว อายุ 8 ขวบ ตนทำงานก่อสร้างที่เดียวกับสามี ตอนนี้ต้องขาดเสาหลักของครอบครัวไป แต่ต้องสู้ต่อไปเพื่อลูก

ด้านคดี พ.ต.อ.ธีรเดช อธิภัคกุล รรท.ผบก.ภ.จ.สมุทรสาคร กล่าวว่า กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน จะรอบริษัทผู้รับเหมาตรวจสอบว่าใครเป็นวิศวกรผู้ควบคุมงานขณะเกิดเหตุ ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนหลักการก่อสร้างถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ และเมื่อมีผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต จะแจ้งข้อกล่าวหาตามนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เรียกสอบใคร เพราะกำลังดำเนินการเรื่องช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ เท่าที่ทราบบริษัทผู้รับเหมาและวิศวกร พร้อมจะเดินทางมามอบตัว แต่ขอแก้ปัญหาเรื่องการจราจรและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนก่อน และถ้าผลสอบเสร็จสิ้นแล้ว จะแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น เป็นเรื่องของกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือมีเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัสหรือบาดเจ็บธรรมดา แต่ในส่วนของผู้ควบคุมงานหรือวิศวกรต้องสอบในส่วนของผู้ชำนาญการและผู้เกี่ยวข้องก่อนว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอน ตามมาตรฐานหรือเปล่ามีความประมาทเลินเล่อหรือไม่

เวลา 17.30 น. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ลงพื้นที่เกิดเหตุโครงการก่อสร้างทางยกระดับถนนพระราม 2 พังถล่ม พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ถนนเส้นนี้ได้กำชับผู้เกี่ยวข้อง ผู้รับเหมา ประชุมเกือบทุกเดือน และเน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัย มีการเก็บประวัติการทำงานหรืออุบัติเหตุ จะมีการนำสมุดพกมาตัดคะแนนผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างใหญ่ ปกติจะมีผู้รับเหมาพิเศษ 80 ราย แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครถูกตัดคะแนน ตนได้ปรึกษากับกระทรวงการคลัง จากนี้ต้องตัดคะแนนผู้รับเหมาที่ทำงานผิดพลาดหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นตามความร้ายแรง บทลงโทษหากมีผู้เสียชีวิตจะถูกระงับสิทธิ์ รับงานก่อสร้างโครงการของรัฐ 2-3 ปี จะเร่งรัดกรมบัญชีกลางนำมาตรการนี้มาใช้ให้เร็วที่สุด

...

นายสุริยะกล่าวต่อว่า สำหรับการเยียวยาผู้เสียชีวิต จะให้ผู้รับเหมาเยียวยาศพละ 1 ล้านบาท เป็นการเยียวยาเบื้องต้น และต้องบังคับให้เยียวยาให้ได้ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงได้เชิญวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และสภาวิศวกรมาช่วยประเมินสาเหตุ และจะเร่งประเมินให้เร็วที่สุดเพื่อวางมาตรการป้องกันในอนาคต ไม่อยากให้คาดเดาสาเหตุไปต่างๆ นานา อยากให้รอสาเหตุที่แท้จริงจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยเท่านั้น ส่วนในช่วงนี้ที่กำลังจะรื้อย้ายชิ้นส่วนที่พังถล่มออกจะต้องมั่นใจว่าการกู้ศพอีก 2 ราย จะต้องไม่เกิดอุบัติเหตุกับกู้ภัยอีก ขณะที่การรื้อถอนคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 14 วันหรืออาจจะเร็วกว่านั้น

เมื่อถามว่าถนนเส้นนี้มีผู้ใช้บริการเยอะและเกิดอุบัติเหตุบ่อยจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้อย่างไร นายสุริยะบอกว่า จะเห็นโครงสร้างลักษณะนี้มีขนาดใหญ่มาก และโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง ฉะนั้นอย่างที่ตนบอกว่าในที่สุดหากผู้รับเหมาคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุและไม่ถูกปรับตกชั้นก็จะไม่มีความใส่ใจ แต่ถ้ามีการตัดคะแนน และถูกระงับสิทธิ์รับงานภาครัฐ 2-3 ปี จะกระทบกับธุรกิจอย่างมาก ผู้รับเหมาจะต้องให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัย ยืนยันผู้รับเหมารายนี้จะถูกตัดคะแนนอย่างแน่นอน

นายวุฒินันท์ ปัทมวิสุทธิ์ ประธานสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุให้กับคณะของ รมว.คมนาคม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ที่เรากังวลคือการรื้อถอนออกไป จะเห็นว่ามันล้มข้างเดียว เพราะฉะนั้นที่เราเห็นตอม่อ มันมีน้ำหนักกดอยู่สองข้าง ขณะนี้มันหายไปข้างหนึ่ง ดังนั้นหลักการอันแรกคือจะต้องเอา Segment ตัวด้านขวาขาเข้าลงมาก่อน พอหลังจากลงมาแล้วจะรื้อถอนทั้งหมดที่ค้างอยู่ด้านบนลงมา และถอย Launching ไป จากประสบการณ์คาดว่าใช้เวลา 14 วัน

...

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุตัวยกแผ่นปูน (ทรัส) ที่ใช้สร้างทางต่างระดับถนนพระราม 2 ถล่มว่า การกู้ภัยได้เร่งให้ตำรวจที่เกี่ยวข้องประสานเรื่องการค้นหาผู้สูญหายต่อเนื่อง และบริหารจัดการจราจร ได้เปิดช่องทางพิเศษอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในพื้นที่ พร้อมกำชับตำรวจทั้งในพื้นที่ ตำรวจทางหลวง และอาสาตำรวจทุกนาย ประชาสัมพันธ์ การจราจรตั้งแต่ต้นทาง ส่วนการสอบสวนได้เน้นย้ำไปที่ตำรวจภูธรภาค 7 ให้มีความเด็ดขาดจริงจังในการสอบสวนว่าเหตุที่เกิดมีสาเหตุจากสิ่งใด เป็นอุบัติเหตุ ความประมาทเลินเล่อ หรือใช้วัสดุก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ต้องสอบทั้งผู้รับเหมา ผู้ปฏิบัติงาน และบริษัทผู้รับจ้างโครงการ เป็นหน้าที่ที่พนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาข้อมูลโดยละเอียด หากพบผู้มีส่วนผิดให้ดำเนินคดีเด็ดขาด ไม่มีละเว้น

ส่วนบรรยากาศสภาพการจราจรขณะนี้ ขาเข้าท้ายแถวอยู่เซ็นทรัลมหาชัย ส่วนขาออก ท้ายแถวอยู่ย่านแสมดำ ต่างระดับวงแหวนระยะทางประมาณ 10 กม. ตำรวจแนะนำให้ใช้เส้นทางเลี่ยง โดยปิดการจราจรช่องหลัก ขาเข้า-ขาออก ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนใช้เส้นทางเลี่ยงขาเข้า กทม. รถจาก จ.สมุทรสงคราม/บางโทรัด ให้ใช้ ทล.375 มุ่งหน้าเข้า อ.บ้านแพ้ว ไปออก จ.นครปฐม ขึ้นถนนเพชรเกษม เข้าถนนบรมราชชนนี เข้า กทม. ส่วนรถจากมหาชัย-สมุทรสาคร ให้ใช้ถนนเศรษฐกิจ-ถนนพุทธสาคร-ถนนพุทธมณฑลสาย 4-ถนนบรมราชชนนี เข้า กทม. ส่วนขาออก กทม. ใช้ถนนบรมราชชนนี เข้าถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าลงใต้ รถจากต่างระดับบางขุนเทียน ให้ใช้ถนนเลียบชายทะเลบางขุนเทียน เข้าตัวเมืองมหาชัย จ.สมุทรสาคร และเข้าถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงใต้

ที่บ้านเลขที่ 15 บ้านวังตามัว หมู่ 9 ต.วังตามัว อ.เมืองนครพนม นายสำเริง พะพันทาง อายุ 48 ปี พร้อมนางกันนิกา ทุมทอง อายุ 48 ปี พ่อแม่นายอภิวัฒน์ หรือโจ้ พะพันทาง ผู้เสียชีวิตจากเหตุทรัสก่อสร้างพังถล่ม ได้จัดเตรียมสถานที่จัดงานศพลูกชาย ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานรับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้านเกิด

...

นางกันนิกา ทุมทอง แม่ผู้เสียชีวิต เผยว่า มีลูกชายทั้งหมด 3 คน นายโจ้เป็นคนโต เป็นเสาหลักของครอบครัว ไปทำงานก่อสร้างทางยกระดับได้ 3 ปีแล้ว สถานะครอบครัว ลูกชายแยกกันอยู่กับเมียได้ 3-4 เดือน มีลูกกัน 4 คน เป็นชาย 3 หญิง 1 ลูกคนโต คนกลาง และคนรอง อายุ 14, 13 และ 9 ปี เรียนหนังสือและพักอาศัยอยู่กับยาย ส่วนคนเล็กเป็นหญิงวัย 3 ขวบ ตนเป็นคนเลี้ยง ทุกๆวันตอนเช้าก่อนไปทำงานและหลังเลิกงานช่วงเย็น ลูกชายจะโทรศัพท์มาคุยกับน้องข้าวฟ่าง ลูกสาวคนเล็กทุกวัน เมื่อเช้ามีเพื่อนโทร.มาแจ้งข่าวถึงกับร้องไห้โฮ สงสารที่สุดคือ น้องข้าวฟ่าง ยังไม่รู้ว่าพ่อเสียชีวิต ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัทนายจ้าง ช่วยรับผิดชอบดูแลเยียวยาครอบครัวลูกชายด้วย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่