ระทึก ตร. ล้อมจับอดีตนักมวย หนีหมายจับคดีลักทรัพย์ เข้าไปในบ้านหมอ ยิงปืนขู่นับสิบนัด ก่อนหลบหนีลอยนวล ด้านเมียคนร้ายเครียด ผัวถูกไล่จับ ใช้ปืนจ่อหัวตัวเอง ขึ้นรถเก๋งสายตรวจ 191 บังคับให้ไปส่ง ริมถนนธัญบุรี ก่อนวิ่งเข้าป่าหนีไปได้อีกคน

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 3 ต.ค. พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ รับแจ้ง มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่และจับประชาชนเป็นตัวประกันอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่ง ซอยอินทามระ 29 แยก 1 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรีบไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.บางซื่อ พร้อมกับประสานชุดอรินทราช 26 และชุดหนุมาน กองปราบปราม ร่วมทั้งขอสนับสนุนรถพยาบาลและอุปกรณ์ส่องแสงสว่างของมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น พื้นที่ประมาณ 50 ตารางวา รั้วรอบขอบชิด
มีเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อม และเจรจาเกลี้ยกล่อม

...

ต่อมาเวลา 21.50 น. พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ เผยเบื้องต้นว่า คนร้ายชื่อ นายสันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 39 ปี อดีตนักมวย ผมสั้น ใส่ชุดลายพราง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4888/2567 ลงวันที่ 3 ต.ค. 67 ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกันสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ, บุกรุกในเวลากลางคืน และทำให้เสียทรัพย์ ก่อเหตุลักปืนออโตเมติก พร้อมกระสุนปืนอีก 1 กล่อง (50 นัด) และทรัพย์สินอื่นๆ ของเจ้านายตัวเอง ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.เตาปูน ทราบว่าคนร้ายหลบหนีมากับภรรยา มาเช่าพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใกล้ที่เกิดเหตุ

กระทั่งเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุม นายสันติ ไหวตัวทันยิงปืนเปิดทางวิ่งหลบหนีการจับกุมของตำรวจ ปีนเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว มีผู้พักอาศัยอยู่ด้วยกัน 4 คน คือ พ่อแม่และลูกชายเป็นนายแพทย์ทั้ง 2 คน ชื่อหมอช้าง อายุ 31 ปี และหมอแม็ก อายุ 30 ปี ทั้งคู่เปิดคลินิกเวชกรรม ตั้งอยู่ย่านปากซอยอินทามระ 11 โดยคาดว่าคนร้ายมีปืน 2 กระบอก

ช่วงจังหวะคนร้ายปีนข้ามกำแพงรั้วปูนเข้าไปภายในบ้าน พ่อของหมอทั้ง 2 อยู่บริเวณหน้าบ้าน แม่ของหมออยู่ภายในบ้านชั้นล่าง ส่วนหมอทั้ง 2 คน อยู่ในห้องนอนของตัวเองชั้น 2 พ่อเห็นคนร้ายปืนเข้ามาในบ้าน ประกอบกับตำรวจที่ติดตามเข้ามาในบ้านพอดี จึงช่วยเมียออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย ขณะเดียวกันพ่อโทรไปบอกลูกชายทั้ง 2 คน ว่ามีคนร้ายหนีตำรวจเข้ามาอยู่ภายในบ้าน และหนีขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน ระหว่างนั้นคนร้ายยิงปืนคาดยิงขึ้นฟ้านับสิบนัด เพื่อข่มขู่ตำรวจ ไม่โดนเจ้าหน้าที่ แต่มีเจ้าหน้าที่เจ็บ 1 ราย ระหว่างหลบหมอบเข้าที่กำบัง นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านวิ่งหนีล้ม บาดเจ็บอีก 1 คน 

ต่อมา มีการประสานชุดอรินทราช 26 และชุดหนุมาน เข้าปิดล้อมเคลียร์พื้นที่ โดยช่วงจังหวะที่คนร้ายหลบไปอยู่ที่ชั้น 2 เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมพื้นที่ชั้นล่างของบ้านพร้อมกับตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณรอบบ้านและภายในบ้าน พบภาพคนร้ายปีนกำแพงรั้วปูน ลักษณะขาเจ็บ ส่วนวงจรปิดในบ้าน เห็นคนร้ายเดินอยู่ภายในบ้านชั้นล่าง ก่อนขึ้นชั้น 2 และออกไปที่ระเบียงหลังบ้าน ยิงปืนและเงียบหายไป เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยเหลือหมอทั้ง 2 คน ออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย ซึ่งทั้งสองคนบอกว่า หลังสิ้นเสียงปืน ได้ยินเสียงคนร้ายกระโดดลงจากระเบียงชั้น 2 หลังบ้าน ไปตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. แล้ว

นายสรศักดิ์ แซ่ตั้ง หรือ เฮียตี๋ อายุ 57 ปี เจ้าของค่ายมวยทีเด็ด 99 อดีตหัวหน้าค่ายของ นายสันติ ซึ่งเดินทางมาที่เกิดเหตุ พยายามเกลี้ยกล่อมให้นายสันติ ปล่อยตัวคนที่อยู่ในบ้านเปิดเผยว่า นายสันติเคยเป็นอดีตนักมวยชื่อดังค่าตัวเงินแสน ใช้ชื่อฤทธิเดช ใหม่เมืองคอน หลังจากเลิกชกมวยได้ผันตัวมาเป็นเทรนเนอร์ที่ค่าย แต่ด้วยพฤติกรรมส่วนตัวเป็นคนที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย เสพยาเสพติด และชอบพกปืน ตนจึงไม่สามารถให้อยู่ร่วมกับคนในค่ายได้ จึงได้ให้ออกไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

...

ต่อมา เวลา 00.30 น. วันที่ 4 ต.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจสามารถช่วยเหลือ ผู้ที่อยู่ในบ้านได้ทั้ง 2 คน โดยทั้งคู่อาการปลอดภัย จากการตรวจสอบพบเป็นชายสองคนอาชีพนายแพทย์ อายุ 30 และ 31 ปี ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ส่วนคนที่อยู่ในบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงอีก 1 คนนั้น ทราบว่าได้หนีออกมาตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนผู้ต้องหาพบว่าหลบหนีออกจากบ้านไปที่บริเวณระเบียงชั้น 2 หลังบ้าน ก่อนกระโดดหลบหนีไป ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามไล่ล่าเส้นทางการหลบหนี ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มียุทธวิธีในการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

จากที่สังเกตการณ์ พบผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครต้องการเพียงแค่จะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน เพียงเท่านั้น

ต่อมาเวลา 01.00 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งว่า น.ส.พจนีย์ ภรรยา นายสันติ หลบหนีออกจากซอยที่เกิดเหตุ มีพลเมืองดีเห็นเดินไปเข้าไปในบ้านร้าง 2 ชั้น ริมถนนวิภาวดีรังสิตขาออกใกล้แยกสุทธิสาร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กม.

เจ้าหน้าที่ติดตามไปพบ น.ส.พจนีย์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. จ่อศีรษะขู่จะทำร้ายตัวเอง คาดว่าเกิดจากภาวะเครียดจากการที่สามีถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมจับกุม 

...

จากนั้น เจ้าหน้าที่นำ เฮียตี๋ เจ้าของค่ายมวย ที่นายสันติเคยสังกัดอยู่ มาช่วยพูดเกลี้ยกล่อม แต่ไม่เป็นผล น.ส.พจนีย์ บอกกับตำรวจว่า จะออกไปจากที่นี่ ให้ตำรวจขับรถพาออกไป เจ้าหน้าที่เตรียมรถให้

ต่อมาเวลา 01.45 น. น.ส.พจนีย์ ยอมออกมาจากบ้านร้าง โดยใช้ปืนจี้ตัวเอง และใช้เสื้อคลุมสีดำคลุมศีรษะ เดินไปเปิดประตูหลังซ้ายของรถเก๋ง สายตรวจตำรวจ 191 (บก.สปพ) สีดำ ทะเบียน 3ขส 5164 กรุงเทพมหานคร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพลขับเพียงคนเดียว บังคับให้ขับรถมุ่งหน้าวิภาวดีฯขาออก ไปจอดริมถนนธัญบุรี ต.ข้าวงาม อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนถือปืนลงจากรถ วิ่งหลบหนีเข้าป่าหายตัวไป

เวลาประมาณ 05.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมียของนายสันติ ตัดสินใจปรากฏตัวต่อหน้าตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้พยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธปืน ซึ่งเมียนายสันติ ยังไม่มีท่าทีที่จะวางอาวุธปืน จึงประสานให้ เฮียตี๋ มาพูดเกลี้ยกล่อม

จนเมื่อเวลา 05.50 น. เมียนายสันติ ยอมวางอาวุธปืนและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมียนายสันตินั้นยังมีอาการร้องไห้ฟูมฟาย ไม่ได้สติ อดีตนายจ้างนายสันติ จึงต้องพูดคุยเพื่อปลอบ โดยพบว่า เมียนายสันติ มีบาดแผลที่ส้นเท้าซ้ายจากการถูกเศษแก้วบาดตั้งแต่ตึกร้างแยกสุทธิสารเมื่อคืน โดยได้มีการประสานรถพยาบาลจากโรงพยาบาลตำรวจมารับตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

...

โดยหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดกั้นพื้นที่ เพื่อให้พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาอาวุธปืนและร่องรอยที่หลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป