ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 2 แถลงข่าวจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหิมเกริมตั้งออฟฟิศหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี


เวลา 14.00 น. วันที่ 7 ส.ค. 67 ที่หน้าอาคารตำรวจภูธร ภาค 2  พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกับ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช. ภ.2, พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 แถลงข่าวจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามมาตรการ "ระเบิดสะพานโจร ตัดซิม เสา สาย ตามแนวชายแดน" ที่กลุ่มมิจฉาชีพแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการหลอกลวงเหยื่อทั่วประเทศ จนทำให้สัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตในต่างประเทศที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หมดลง หรือไม่สะดวกต่อการใช้งาน แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงปรับตัวโดยลักลอบนำอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และนำพนักงานในแก๊งมาตั้งเป็นออฟฟิศคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงประชาชนในประเทศไทย ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงชาวไทยมาตั้งฐานเปิดออฟฟิศอยู่ในประเทศไทย

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 67 เวลาประมาณ 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ได้สืบทราบว่ามีขบวนการคอลเซ็นเตอร์ใช้บ้านภายในหมู่บ้านดิไอคอน หมู่ 9 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตั้งเป็นออฟฟิศทำงาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้ไปตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบชายไทย 4 คน ทราบชื่อภายหลังคือ นายชนาภัทร, นายโชคชัย, นายชิชณุพงษ์ และนายจีรวัฒน์ จากการตรวจค้นพบมีคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะจำนวน 10 เครื่อง และพบข้อมูลการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดรับว่าตนเองและพวกร่วมกันเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยตั้งเพจเฟซบุ๊กในการหลอกเหยื่อว่าจะช่วยเหลือ มีการยิงแอดฯ โฆษณา หลอกว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ หรือทนายความ ที่สามารถช่วยเหลือเหยื่อในการทำเรื่องฟ้องร้องได้ และทำให้ได้เงินที่ถูกหลอกไปกลับคืนมา โดยหลอกซ้ำเติมเหยื่อให้โอนเงินเข้ามาเพื่อลงทะเบียนในการช่วยเหลือ และยังมีการหลอกลวงในรูปแบบโรแมนซ์สแกม (หลอกให้รัก) ซึ่งจะมีสคริปต์การพูดหลอกลวงเหยื่อให้หลงเชื่อและโอนเงินมาให้ 

...


โดยในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดพบว่ามีการสนทนากับเหยื่อในแอปพลิเคชันเมสเซนเจอร์เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชันไลน์ออฟฟิเชียลเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดคอมพิวเตอร์ทั้งหมดไว้เพื่อตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิด ครอบครองอาวุธปืนพกสั้นแบบกึ่งอัตโนมัติ, เครื่องกระสุนปืน และเสพยาเสพติด ซึ่งได้ทำการจับกุมและแยกดำเนินคดีที่ สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี


จากการขยายผลทำให้ทราบว่าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มีหัวหน้ากลุ่มเป็นชาวจีน คือ Mr.ZHOU หรือ นายเจ้า สัญชาติจีน, มีรองหัวหน้า คือ Mr.CHEN หรือ ปีเตอร์ สัญชาติจีน และมีเลขาเป็นคนไทย คือ นายภาวัต หรือเหว่ย มีพฤติกรรมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์, ค้ามนุษย์, บ่อนการพนัน และฟอกเงินฯ ซึ่งต่อมาได้มีการขยายผลและขออนุมัติศาลขอหมายค้นอีกจำนวน 3 จุดในกรุงเทพมหานคร เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดย ณ ปัจจุบันทราบว่าหัวหน้าและรองหัวหน้าคนจีนได้หลบหนีอออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายฐานออฟฟิศมาในประเทศไทย เนื่องจากความไม่สะดวกเรื่องการติดต่อสื่อสาร และสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ต่างประเทศ จึงกล้าเสี่ยงมาเปิดออฟฟิศในประเทศไทย

ทาง บก.สส.ภ.2 จะทำการสืบสวนและขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีในข้อหา "นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน" มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะติดตามผู้เสียหายซึ่งถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอกลวง เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมในข้อหาฉ้อโกงประชนและความผิดฐานฟอกเงินต่อไป ซึ่งหากใครเป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้หลอก สามารถให้ข้อมูลได้ที่ บก.สส.2 หมายเลขโทรศัพท์ 0-3827-6724 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีต่อไป.