คดีอุกฉกรรจ์ท้าทายกฎหมาย เหตุเกิดกลางดึกคืนวันที่ 29 มิ.ย. กลุ่มชายฉกรรจ์ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ยิงรถยนต์คู่กรณีบริเวณแยกไฟแดงลาซาล-แบริ่ง (ตัดใหม่) เขตบางนา กระสุนถูกศีรษะ นายเจษฎาหรือ “ต่าย คอลาย” นั่งอยู่ข้างคนขับเสียชีวิต คนขับรถซิ่งรถยนต์หนีตายสุดชีวิต แต่กลุ่มก่อเหตุยังไม่สาแก่ใจ เร่งเครื่องติดตามไล่ยิง รถยนต์วิ่งสวนเลนเสียหลักปีนข้ามเกาะกลาง ถูกเผยแพร่ผ่านช่อง “สื่อออนไลน์” สร้างความหวาดผวาให้กับผู้คน

เบื้องต้นทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นหัวโจกขาใหญ่อยู่ในพื้นที่ซอยวัดด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ เคยร่วมกันก่อเหตุหลายคดีในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ทำร้ายร่างกาย และปล่อยเงินกู้”

แค่ 1 ปีทำความเดือดร้อนผู้คนในพื้นที่ จ.สมุทรปราการและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ให้ความสำคัญและติดตามใกล้ชิด ส่ง พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกับ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เร่งจับกุม

พล.ต.ท.สำราญ และ พล.ต.ท.ธิติ ประกาศ “ต้องเอาให้เหี้ยน” วันที่ 2 ก.ค.เปิดปฏิบัติการ “โค่นอิทธิพลเถื่อนด่านสำโรง” จัดชุดสืบสวนบก.สส.บช.น. บก.น.5 กก.สส.บก.น.5 สน.บางนา กว่า 100 นาย นำทีม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รอง ผบก.น.5

...

พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.อ.สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.บางนา พ.ต.ท.เอกภพ ลิขิตธนสมบัติ รอง ผกก.สส. สน.บางนา พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.

บุกเข้าตรวจค้นเซฟเฮาส์กว่า 5 จุดสำคัญที่เชื่อมโยงรวบตัวการสำคัญ 1 ราย นายดนัย บางข่า อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับตรวจยึดอาวุธปืน สั้น-ยาว 38 กระบอก กระสุน 800 นัด เงินสด สมุดบัญชีธนาคาร โฉนดที่ดิน รถจักรยานยนต์ และยุทธภัณฑ์จำนวนมาก

ชาวบ้านฟ้องพฤติกรรม “สุดกร่าง” ข่มขู่ชาวบ้านในพื้นที่ห้ามให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ การตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไม่งั้นยกพวกเผาบ้าน สืบนครบาลขยายผลพบว่ากองโจรกลุ่มนี้เป็น “หัวเชื้อ” คอยสนับสนุนกลุ่มนักศึกษาช่างกลชื่อดังย่านบรรทัดทอง มีหัวหน้ากลุ่มเป็นอดีตนักศึกษาช่างกลและพัวพัน “ธุรกิจสีเทา”

พล.ต.ต.ธีรเดช สั่งสืบนครบาลจับ นายอนุชา พิทักษ์วรบุตร หรือโด้ วัดด่าน อายุ 35 ปี หนึ่งในผู้ก่อเหตุยิงคู่อริ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ซักถามว่า ก่อนเกิดเหตุนายบังใช้เฟซบุ๊กโทร.มาหาบอกว่า “มีเรื่องแล้ว มาหาหน่อย” ขับขี่รถ จยย.มุ่งหน้าไปที่กลางซอยวัดด่าน จุดที่นายบังรวมกลุ่มกับเพื่อนเป็นประจำ แต่ไม่พบใครอยู่ ต่อมานายบังโทร.หาอีกครั้งว่า “ให้มาหาที่โรงงาน” เป็นร้านทำรถที่กลุ่มนายบังรวมตัวกันเป็นประจำ

ชุดสืบสวนพิสูจน์ทราบตัวบุคคลอีก 9 ราย เป็น 11 ราย เปิดปฏิบัติการกวาดล้างต่อเนื่องจับตัวผู้ที่เกี่ยวข้องได้แล้ว 7 ราย นายพนมศักดิ์ หรือมีน ฮวดประดิษฐ์ คนขับขี่รถ นายชนะพันธ์ หรือโบ๊ท มั่งมี คนซ้อนท้ายรถ นายโชคชัย หรือบังจิ๋ว ไทรราหู คนขับขี่รถ นายอนุชา หรือโด้ พิทักษ์วรบุตร คนซ้อนท้ายรถ นายนัฐวุฒิ หรือเล็ก อุดมโชค เป็นคนขับขี่รถ นายดนัย หรือออม บางข่า คนขับขี่รถ นายพีรเดช หรือจ๊อด โคตรชา คนซ้อนท้ายรถ

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า “ความสำเร็จคดีนี้เกิดจาก 3 ส่วน 1.การบูรณาการร่วมกันของตำรวจนครบาล ทั้ง ผบช.น. รอง ผบช.น. สืบนครบาล บก.น.5 สืบสวน สน.บางนา 2.ฐานข้อมูลผู้ก่อเหตุ 3.แบ่งงานชัดเจนฝ่ายสืบสวนป้องกันปราบปราม ซึ่งงานสืบสวนเก็บฐานข้อมูลเดิมรวบรวมไว้อยู่แล้ว บางนาเส้นทางผ่านของสถาบันที่ก่อเหตุ สิ่งที่เน้นย้ำการประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือครูอาจารย์ทำต่อเนื่อง สถาบันใหญ่ที่ก่อเหตุลดลง น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. ประสานแก้ปัญหาทุกทาง”

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. กล่าวว่า “ปกติกลุ่มผู้ต้องหาไปอยู่ในพื้นที่รอยต่อ สมุทรปราการ-กรุงเทพฯ อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบตำรวจภูธรภาค 1 มีประวัติก่อเหตุในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 มาโดยตลอด แต่ในครั้งนี้ เหตุการณ์มาเกิดในพื้นที่ของตำรวจนครบาล จำเป็นต้องเปิดปฏิบัติการค้น 5 จุด และตรวจค้นผู้ต้องหาตามหมายจับที่มีทั้งหมด 2 คน พบอาวุธปืนหลายกระบอกเนื่องจากหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหาชอบสะสมปืน และปืนส่วนใหญ่มีทะเบียน แต่จะต้องตรวจสอบว่าเลขทะเบียนตรงกับกรมการปกครองหรือไม่ พบรถจักรยานยนต์มอเตอร์ไซค์ที่ใช้ในการก่อเหตุบางส่วน การตรวจค้นครั้งนี้พบหลักฐานเพิ่มเติมขยายผลไปยังกลุ่มผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ได้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลเพื่อยืนยันตัวตนผู้ต้องหาก่อนออกหมายจับ คาดว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 20 คน จะเร่งดำเนินคดีให้เร็วที่สุด”

...

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า “ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เพราะระหว่างที่ “ผู้การจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.นำชุดสืบนครบาลลงพื้นไล่กล้องวงจรปิดจนถึงภายในซอยแบริ่ง พบชาวบ้านในพื้นที่มีอาการหวาดผวาอย่างชัดเจน ไม่กล้าให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพราะถูกกลุ่มคนร้ายมาข่มขู่ อีกทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุสามารถลอยหน้าลอยตาได้ เพราะมีผู้ตามล้างตามเช็ดเรื่องคดีนี้กับกลุ่มคนร้าย เมื่อชุดสืบสวนทราบเรื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ ได้รีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบว่า ประชาชนในพื้นที่มีอาการหวาดระแวงและทุกข์ร้อนอย่างหนัก จึงสั่งการให้ “ผู้การจ๋อ” จัดชุดสืบสวนให้ทำงานอย่างเข้มข้นพร้อมวางแนวทางและยุทธวิธี ในการขยายผลให้มากที่สุด

รูปแบบสืบสวนขยายผลรวดเร็วของสืบนครบาลภายใต้นำทีม พล.ต.ท.สำราญ และ พล.ต.ท.ธิติ บุกค้นจับยกแก๊งขาใหญ่พื้นที่สมุทรปราการ ทำเป็นขบวนการ เข้าข่ายมีอิทธิพล ทำความหวาดกลัว ชาวบ้านในพื้นที่

ไม่ปล่อยให้ท้าทายกฎหมายบ้านเมืองไทย.

...

ทีมข่าวอาชญากรรม

คลิกอ่านคอลัมน์ “แกะรอยรอบสัปดาห์” เพิ่มเติม