"เต้ มงคลกิตติ์" ร้อง ตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบหนัง "Breaking The Cycle - อำนาจ ศรัทธา อนาคต"  ชี้บิดเบือนข้อเท็จจริง ยุยงปลุกปั่น ทำสังคมสับสน เย้ยกระแสจุดไม่ติด ทั้งโรงมีคนดูแค่ 12 คน เทียบหนังอาชีวะ ยุค 90's ยังดีกว่า


เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เพื่อขอให้ตรวจสอบ ผู้กำกับ นักแสดงนำ นายทุน ผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่อง อำนาจ ศรัทธา อนาคต หรือ Breaking The Cycle ว่าเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 หรือไม่ หลังพบว่าภาพยนต์ดังกล่าวมีเนื้อหาเอนเอียง บิดเบือนข้อเท็จจริง จนอาจทำให้สังคมเกิดความสับสน 

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมายื่นเรื่องขอให้ช่วยตรวจสอบ นายทุน ผู้กำกับ และ นักแสดงนำ ภาพยนตร์เรื่อง อำนาจ ศรัทธา อนาคต หรือ Breaking The Cycle ซึ่งออกฉาย 150 โรงทั่วประเทศ หลังก่อนหน้าตนได้มีโอกาสไปเข้าชมเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า ในเนื้อหาของภาพยนตร์มีการเล่าถึงเหตุการณ์ยึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้มีพูดถึงสาเหตุที่ต้องยึดอำนาจ ไม่มีพูดถึงเรื่องนิรโทษกรรมสุดซอย ไม่พูดถึงพรรคเพื่อไทยที่ในขณะนั้นผูกขาดอำนาจการเมือง จนทำให้ประชาชนเกิดความแตกแยกแบ่งเป็นสองฝ่ายออกมาสู้รบฆ่ากัน ที่เป็นเหตุผลนำมาสู่การยึดอำนาจ 

“โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ของภาพยนตร์จะเป็นการนำเสนอด้านเดียว อาทิ การก่อกำเนิดของพรรคอนาคตใหม่ ความหวังของประเทศชาติ เป็นวีรบุรุษประชาธิปไตย แต่ไม่ได้มีการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุที่พรรคอนาคตใหม่ต้องถูกยุบ หรือ สาเหตุที่ตัวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองว่ามาจากสาเหตุใด พูดแต่ว่าพรรคอนาคตใหม่คือความหวังของประเทศชาติ ซึ่งเนื้อหาที่นำเสนอล้วนเป็นไปในเชิงบวกต่อกลุ่มคนเหล่านี้ ไม่มีการพูดถึงข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชน สังคมเกิดความสับสน จึงอยากให้ทางตำรวจสอบสวนกลางช่วยตรวจสอบ ว่ากการกระทำเช่นนี้เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น หรือไม่”

...

นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า หนังประวัติศาสตร์เรื่องอื่นๆ ที่ตนเคยดูมา ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาข้อเท็จจริงครบทุกด้าน แตกต่างกับหนังเรื่องนี้ที่มีการนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียว ยืนยันว่าการที่ตนเองต้องออกมาในวันนี้ไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับกระแสหนัง เพราะคนดูน้อยมาก กระแสจุดไม่ติด คนที่เคยจองไว้ทิ้งตั๋วเยอะมาก วันที่คนไปดูทั้งโรงมีคนดูเพียงแค่ 12 คน เท่านั้น ถ้ากระแสจุดติดจริงคนดูต้องเต็มโรงภาพยนตร์ อีกทั้งยังมองว่า สู้หนังไทบ้าน ไม่ได้ด้วยซ้ำ หนังโฟร์คิงส์ ยังดีกว่า 

“ทั้งนี้หากใครที่ดูแล้วไม่เข้าใจ อยากรู้สาเหตุว่าทำไม พรรคอนาคตใหม่ต้องถูกยุบ นายธนาธร ต้องถูกตัดสิทธิ์การเมือง ตนก็พร้อมจะไปสปอยล์ให้ว่า ถูกยุบเพราะเรื่องกู้เงิน ส่วนนายธนาธร ก็ถูกตัดสิทธิ์เพราะเรื่องหุ้นสื่อ อย่างที่บอกการทำหนังทำได้แต่ต้องทำตามข้อเท็จจริง ให้ข้อคิดแก่ประชาชน ไม่ใช่ให้ข้อมูลด้านเดียวจนทำให้สังคมสับสน ไม่ใช่สร้างให้นายธนาธรเป็นเทวดาคนเดียวแบบนี้ ไม่ใช่ว่าตนไม่อยากให้เข้าไปดู เพียงแต่ค่าตั๋วแพง”

นายมงคลกิตติ์ กล่าวถึงกรณีเข้ารับตำแหน่ง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า หลังเข้ารับตำแหน่ง ตนได้มีโอกาสลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ เพื่อเฝ้าดูสถานการณ์การเมืองต่างๆ แผนงานฟื้นฟูพรรค กู้ศรัทธาให้กลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนเหมือนเดิม รวมถึงหารือเกี่ยวกับแผนงานหาคนเหมาะสมมาลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ปี 2569 ซึ่งในมุมมองตน ก็อยากให้ พรรคมีคนรุ่นใหม่เข้ามา คนเก่าก็อย่าไปยึดมั่นกับอดีตที่เคยยิ่งใหญ่ ส่วนในปี 2570 จะมีการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ นายทักษิณ ชินวัตร ถ้าขยับหรือออกมาเคลื่อนไหวมากไป ก็อาจถูกฝ่ายความมั่นคงรัฐประหาร ยึดอำนาจกลับไป

ที่มาภาพบางส่วน : เฟซบุ๊ก Breaking the Cycle