"พิมพ์ กรกนก" เน็ตไอดอลและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ลุยเอาผิดคนปล่อยคลิปลับ เผยทั้งน้ำตา ขอความเห็นใจ โปรดให้เกียรติ อย่าดู-หยุดแชร์-ช่วยกด Report ลั่นเอาผิดมือดีให้ถึงที่สุด ด้านตำรวจไซเบอร์ พร้อมเครื่องมือพิเศษช่วยตรวจสอบ ยันคนแชร์มีความผิดด้วย
จากกรณีที่ พิมพ์ กรกนก อายุ 23 ปี เน็ตไอดอลสาว นางแบบ และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอชี้แจงถึงเรื่องคลิปลับหลุด ยอมรับว่าเป็นคนในคลิปกับอดีตแฟนหนุ่มจริง รู้สึกเสียใจ และเตรียมดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดกับคนที่นำคลิปดังกล่าวออกมาเผยแพร่ในโซเชียล พร้อมกับขอร้องคนที่พบเจอ อย่าส่งต่อคลิปดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน ได้พา พิมพ์ กรกนก เน็ตไอดอลสาวชื่อดัง เข้าพบ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) เพื่อแจ้งความดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ปล่อยคลิปลับส่วนตัวจนทำให้ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ แฟนคนดังกล่าวของน้องพิมพ์ได้มีการเลิกรากันไปตั้งแต่ช่วงประมาณเดือน ส.ค. หรือ ก.ย.ปีที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุ พิมพ์ กรกนก เปิดเผยว่า ฝ่ายชายที่เป็นแฟนเก่าได้มีการทักมาพูดคุยเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นคนปล่อย แต่เขายอมรับว่ายังไม่ได้ลบคลิป ซึ่งตนก็เชื่อคำพูดของฝ่ายชายเพียงแค่ 50:50 เท่านั้น เพราะยังไม่ชี้ชัดได้ว่าฝ่ายชายเป็นคนปล่อยหรือไม่ อีกทั้งฝ่ายชายก็อ้างว่าไม่ได้นำมือถือไปส่งซ่อมแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามหลังเลิกรากันไปก็ได้ตกลงกันแล้วว่าจะต้องลบคลิปส่วนตัวเหล่านั้นทิ้ง ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมฝ่ายชายถึงไม่ยอมลบคลิป
...
เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงสภาพจิตใจหลังเกิดเหตุ พิมพ์ กรกนก ได้หยุดชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตอนนี้เริ่มมีสภาพจิตใจที่โอเคขึ้น เพราะมีหลายคนที่ส่งกำลังใจมาให้ รวมทั้งหลายคนก็ให้เกียรติด้วยการไม่แชร์ต่อ และช่วยกันลบคลิป อีกทั้งยังมีผู้หลักผู้ใหญ่หลายฝ่ายเข้ามาให้การช่วยเหลือ โดย พิมพ์ กรกนก เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนไม่เข้าใจว่าคนที่ปล่อยคลิปมีวัตถุประสงค์อะไร ทำไมต้องใจร้ายกับตนด้วย ซึ่งขอความเห็นใจแก่โซเชียลมีเดียว่า โปรดให้เกียรติตน หากเห็นคลิปดังกล่าวขออย่าดู อย่าแชร์ต่อ หรือช่วยกันกด Report จะดีที่สุด ตอนนี้รู้สึกสบายใจที่ได้มาแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ เพราะตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรทางกฎหมาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝีมือใครก็ตาม ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ เปิดเผยว่า หลังจากนี้นอกจากจะต้องให้ทางพนักงานสอบสวนหญิงสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว จะใช้เครื่องมือพิเศษของตำรวจไซเบอร์ในการตรวจวิเคราะห์บรรดา Social Media ต่างๆ ที่มีการแชร์คลิป รวมทั้งจะออกหมายเรียกแฟนเก่าของผู้เสียหาย ซึ่งถือเป็นต้นตอหลักมาให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
โดยจะดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่นำคลิปมาเผยแพร่และแชร์ต่อ ไปจนถึงผู้ที่อยู่ในกลุ่มแชร์คลิป ซึ่งจะเอาผิดทั้งตามประมวลกฎหมายอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ม.328 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 2 ปี และเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า ม.287 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 3 ปี อีกทั้งจะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(4) และ (5) ทั้งนำเข้าข้อมูลลามกสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลลามกดังกล่าว ซึ่งต่างมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี
เน้นย้ำว่านอกจากจะเอาผิดถึงผู้ที่นำคลิปมาลงในโซเชียลมีเดียแล้ว จะเอาผิดถึงคนที่แชร์ต่อตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ด้วย ใครเป็นคนแชร์ คนนั้นก็มีความผิดด้วย ซึ่งถ้าหากตรวจสอบแล้วสามารถพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นผู้แชร์บ้าง ก็จะออกหมายเรียกมาดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่ละเว้น
ขณะที่ นายเอกภพ เปิดเผยว่า คดีนี้นั้นแฟนเก่าคู่กรณีไม่ใช่คนที่เป็นคนสัญชาติเกาหลีที่มีชื่อเสียงตามที่มีหลายคนตั้งข้อสงสัย แต่เป็นคนที่คบหากันหลังจากเลิกรากับคนเกาหลี ซึ่งตนได้ย้อนถามไปยังคนที่นำคลิปมาปล่อยว่าเป็นเรื่องที่น่าอายและทำไปเพื่ออะไร ส่วนแฟนเก่าซึ่งออกมาตอบโต้ว่าไม่ได้เป็นคนทำ ตนตั้งข้อสงสัยว่าแล้วคลิปหลุดไปได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่ยอมลบคลิปดังกล่าวตามที่ตกลงกัน มองว่าต่อให้อ้างว่านำโทรศัพท์มือถือไปส่งซ่อม แล้วคลิปหลุดจากช่างซ่อมมือถือนั้นยังไงก็ฟังไม่ขึ้น ซึ่งหวังว่าทางตำรวจไซเบอร์จะสามารถนำคนผิด โดยเฉพาะผู้แชร์คลิปและผู้ลงคลิปกระจายสู่โซเชียลมีเดียมาดำเนินคดีให้ได้.