ทนายความใจดี ที่เคยช่วยเสี่ยแป้ง นาโหนด และชาวพัทลุงพาแจ้งความกรณีตำรวจบุกรุกเข้าไปในที่ดินโดยไม่มีหมายค้น พร้อมช่วยพาเสี่ยแป้งมอบตัวและสู้คดีให้ ถามเมื่อปี 65 มีนักโทษในเรือนจำเกือบ 400 คนร่วมลงชื่อร้องเรียนพฤติกรรม "พ.ต.ท.วิรัตน์" มือปราบยาเสพติด มือ 1 พัทลุง ส่งถึงฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้เรื่องไปถึงไหนแล้ว
วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่สำนักงานทนายความใจดี อ.หาดใหญ่ ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ เปิดโต๊ะแถลงข่าวกรณี มีชื่อพาดพิงเสี่ยแป้ง ว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 เริ่มได้ยินชื่อของ เสี่ยแป้ง ตามสื่อต่างๆ ตามข่าว แต่ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว มารู้จัก ก็เมื่อมีชาวบ้านที่จังหวัดพัทลุง ร้องเรียนมาทางกลุ่มทนายใจดี ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่ง มีการบุกรุกเข้าไปในที่ดินของ เสี่ยแป้ง และใช้อาวุธสงครามเข้าไปข่มขู่ พนักงานและลูกจ้างที่อยู่ในบ้าน หลังจากนั้นจึงลงพื้นที่ จ.พัทลุง เข้าไปตรวจสอบ ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหรือไม่
"ถ้าจำไม่ผิดเหตุการณ์ครั้งนั้น มีชาวบ้านรวมตัวกันกว่า 100 คน ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ หลังจากนั้นทางกลุ่มทนายใจดีจึงดำเนินการพาชาวบ้านเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ สภ.เมืองพัทลุง ก็เลยรู้จักกับเสี่ยแป้ง และมีการช่วยเหลือในทางคดีซึ่งมีทนายหลายคนเข้าไปช่วยเหลือในคดีนั้น จนภายหลังต่อมาทราบว่า อาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน หรือมีการขอโทษกันอะไรสักอย่าง และมีการถอนคำร้องทุกข์ในคดีดังกล่าวแล้ว แต่ยังไม่แน่ใจว่าเรื่องการจัดส่งเอกสารไปให้ชาวบ้านนั้นจะมีการดำเนินการต่อหรือไม่ และหลังจากนั้นจะมีเจอบ้างเวลาไปทำคดีที่พัทลุง แวะเจอแวะคุยทานข้าวกันบ้างเล็กน้อย ส่วนตำรวจที่เป็นคู่กรณีของเสี่ยแป้งนั้นเป็นพันตำรวจโทวิรัตน์ แต่ผมไม่เคยเจอไม่เคยเห็นหน้านายตำรวจนายนี้ แค่ได้ยินชื่อ”
...
ทนายชัชวาล กล่าวด้วยว่าไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้ามีพฤติกรรม อย่างที่ว่า ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งตอนนั้นได้แจ้งความ ตำรวจนายนี้กับพวก เพราะการกระทำในวันดังกล่าวนั้นไปหลายคนพร้อมอาวุธสงคราม และไปโดยไม่มีหมายค้น และตอนหลังมีทีมงานที่ตรวจสอบมาบอกว่า นายตำรวจนายนี้เป็นตำรวจฝีมือดี ในแง่ของการปราบปราม มีผลงานการจับกุม และมีผู้ต้องหาถูกลงโทษในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมากมาย แต่ในส่วนของมุมมองคดีนี้ เรามองว่าถ้าหากเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำกับประชาชนอย่างนี้ หรือลุแก่อำนาจ ก็ถือว่าเข้าข่ายความผิด เราก็เอาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะผิดหรือไม่ผิดอย่างไร เขาต้องพิสูจน์เอาเอง
ว่าที่ร้อยตรีชัชวาล ยังกล่าวถึง หนังสือร้องเรียนที่มีนักโทษร่วมกันลงชื่อและส่งมาให้ ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งหนังสือนี้มีมาตั้งแต่ 2565 และหลังจากนั้น ตนได้เข้าไปเยี่ยมนักโทษที่เขียนส่งมา พร้อมกับเพื่อนนักโทษอีกหลายคนเพื่อให้ยืนยันว่า รายชื่อและข้อความในหนังสือนั้น มีตัวตนจริง และเป็นข้อความที่เขียนขึ้นมาจริง ซึ่งจากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริง และได้ส่งหนังสือไปยัง 10 หน่วยงานแต่มีเพียงแค่ 2 หน่วยงานที่ทำหนังสือตอบรับมา คือ สำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงาน ป.ป.ท ซึ่งว่าที่ร้อยตรีชัชวาลและกลุ่มทนายความใจดียังฝากข้อความถึงเสี่ยแป้ง ว่า ตั้งแต่เสียแป้งหนีออกจากเรือนจำมา ตนก็รอว่าเสียแป้งจะติดต่อมาหรือจะโทรมาไหม แต่ไม่มีการติดต่อมา
“ผมในฐานะนักกฎหมาย ที่แป้งบอกว่าความยุติธรรมไม่มีจริง อาจจะเป็นมุมมองของเขา แต่ผมในฐานะกลุ่มทนายความใจดี และนักกฎหมาย ให้ความมั่นใจ เลยว่า ความยุติธรรมมีจริงๆ ให้แป้งกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม หากมีหลักฐานอะไร หรือชี้ช่องอะไรมา ทางผมจะช่วยเหลือเต็มที่ และหวังว่า ถ้าเขามีโอกาส กลับตัวกลับใจที่จะเข้ามาสู้คดี ก็ให้ติดต่อมาที่ผม แล้วผมจะพาเขาไปมอบตัว ส่วนวิธีการมอบตัวนั้น มีหลายวิธี อาจจะไม่เป็นแบบทั่วไป แต่การมอบตัวจะปลอดภัยกับเขามากที่สุด และเราจะพาเขาไปมอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและรับว่าความในทุกคดี ถ้าหากเขาอยากให้เราช่วย เราก็จะช่วยเขาให้ถึงที่สุด”
ทนายชัชวาล ยังบอกอีกว่า เหตุผลที่แป้งอยากออกจากคุก ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับเรื่องการออกไปแก้แค้นล้างแค้นใครทั้งสิ้น แต่มีด้วยกันทั้งหมด 2 เหตุผล คือ 1. ขณะที่แป้งจำคุกในเรือนจำ ภรรยาของแป้งท้องแก่จะคลอดลูก แป้งต้องการออกไปอยู่ดูหน้าลูกที่จะคลอดที่โรงพยาบาล แต่แป้งไม่มีโอกาส และหลังวันที่ภรรยาของแป้งคลอดลูก แป้งก็ไม่มีสิทธิ์ได้พบหน้าลูกเลยสักครั้ง ตอนแป้งได้เจอหน้าลูกครั้งแรก ตนจำได้ว่า วันนั้นภรรยาของแป้งได้นำลูกน้อย อายุ 1 เดือน ตัวยังแดงอยู่เลย เดินทางมาที่ศาลด้วย เวลานั้นแป้งรู้ว่า ภรรยาได้นำลูกมาด้วย ด้วยความเป็นพ่อ แป้งได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาล ขอความเมตตาจากศาลเพื่อขอเห็นหน้าลูก ครั้งนั้น ศาลท่านได้เมตตาให้แป้งเจอหน้าลูกได้ผ่านห้องพิเศษของเรือนจำ แต่ก็เป็นครั้งเดียว
ส่วนครั้งที่ 2 ได้เข้าไปเยี่ยมแป้งบอกกับตนว่า ช่วยทำเรื่องขอประกันตัวให้หน่อยเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แป้งบอกว่า ผมอยากออกไปกราบศพพ่อครั้งสุดท้าย เนื่องจากพ่อของแป้งเสียชีวิต แต่สุดท้ายแป้งก็ไม่ได้ประกันตัว ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ตนเชื่อว่าแป้งอาจจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้ประกันตัวไปพบกับครอบครัว เพราะครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตแป้งมาก ส่วนตัวจึงเชื่อว่าแป้งไม่มีเจตนาที่จะออกไปแก้แค้นใคร
ทนายชัชวาลยังกล่าวเกี่ยวกับเอกสารลับ เรื่องนักโทษจำนวน 393 คน และนายจตุพล หรือ แกร็ก ที่นายแป้งเป็นตัวแทนพวกเขาในการเดินเรื่องขอความเป็นธรรม เรื่องนี้อยากให้ตรวจสอบด้วย เพราะไม่รู้ว่า ตอนนี้เรื่องไปถึงไหนแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนก็เคยได้รับหนังสือร้องเรียนจากนายจตุพล โดยมีญาติของนายจตุพลมามอบให้ ลายมือที่เขียนเป็นลายมือของนายแป้ง ที่เป็นคนเขียนคำร้องให้กับนายจตุพล เข้าใจว่า ทั้งสองเป็นเพื่อนนักโทษอยู่ด้วยกัน โดยหนังสือคำร้องเรียนนั้น ยังมีรายชื่อของนักโทษอีก 393 คน ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทั้งหมดร้องเรียน มีเพียงนายเดียว คือ พันตำรวจโทวิรัตน์ มือปราบยาเสพติดมือ 1 จ.พัทลุง
...