กลุ่มลูกศิษย์ "อากงซุนหงอคง" และร่างทรงเห้งเจีย ยื่นหลักฐานเอกสารการโอนเงินให้ตำรวจไซเบอร์ ช่วยตรวจสอบเงินบริจาคสร้างวิหารกว่า 50 ล้าน หลังจากผ่านมาเกือบ 8 ปี ยังกลับไม่มีการก่อสร้างแต่อย่างใด
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 กันยายน 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายรติศักดิ์ รัตนไทย อายุ 41 ปี พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และกลุ่มผู้เสียหายอีก 5 คน นำเอกสารหลักฐานการโอนเงินบริจาคเข้ายื่นต่อ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. หลังถูกหญิงที่เป็นร่างทรงของ "อากงซุนหงอคง และร่างทรงเห้งเจีย" โกงเงินบริจาคที่จะใช้สร้างวิหารซุนหงอคง ย่านมีนบุรี กทม. ซึ่งทางกลุ่มผู้เสียหายและกลุ่มลูกศิษย์ให้ความเคารพนับถือมาตั้งแต่ปี 2558 โดยได้ร่วมบริจาคทั้งเงินและสิ่งของ เพื่อให้สร้างวิหาร 3 ชั้น ไว้กราบไหว้บูชา มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท ผ่านมาเกือบ 8 ปี ยังไม่มีการก่อสร้างแต่อย่างใด โดยมี พ.ต.อ.ขจร อบทอง รอง ผบก.สอท.2 เป็นตัวแทนมารับเรื่อง
นายรติศักดิ์ รัตนไทย อายุ 41 ปี ผู้ประสานงานกลุ่มลูกศิษย์อากง กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมกลุ่มผู้เสียหาย มายื่นเรื่องให้ทางตำรวจไซเบอร์ช่วยตรวจสอบเรื่องเงินรับบริจาคที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว รวมทั้งสิ้น 5 บัญชี ส่วนบัญชีสมาคมถูกจัดตั้งตั้งแต่ปี 2562 แต่ทำไมปี 2563 กับ 2564 ยังมีเงินเข้าบัญชีส่วนตัวอยู่ แล้วการสร้างศาลที่เคยตกลงกันไว้ ว่าจะสร้างทันที หากเงินบริจาคครบจำนวน 2 ล้านบาท ขณะนี้รอมาเป็นเวลานานกว่า 8 ปี แล้วแต่ยังไม่มีการสร้างเกิดขึ้น ตนจึงต้องการตำรวจไซเบอร์ให้ช่วยตรวจสอบว่าเงินจำนวนดังกล่าวไปอยู่ส่วนไหนบ้าง
...
ด้าน นายรณณรงค์ กล่าวว่า "ตนพาผู้เสียหายมาแจ้งความ หลังมีการรับบริจาคเพื่อให้สร้างวิหาร 3 ชั้น โดยต้องการให้ออกมาชี้แจงว่า เงินบริจาคโอนเข้าไปในบัญชีส่วนตัวมียอดเงินจำนวนเท่าไร มีการใช้จ่ายอะไรไปแล้วบ้าง เพราะทุกคนบริจาคเงินเพื่อนำไปสร้างวิหาร อยากให้มีการใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ และจะต้องสามารถตรวจสอบได้ เงินที่ชาวบ้านบริจาคมา จะต้องมีเงินนำไปดำเนินการตามที่ได้มีการโฆษณาผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพราะหากไม่แจ้งความในวันนี้ก็จะไม่มีการชี้แจงบัญชี เงินจำนวนมากหลักสิบล้านบาทไม่มีความโปร่งใส ต้องการให้ตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบร่างทรงหงอคง ว่านำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง หากชี้แจงได้ก็ไม่มีปัญหาใดๆ หากไม่สามารถชี้แจงได้ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย"
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ขจร กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำหนังสือที่มายื่นไปตรวจสอบ และเรียนผู้บัญชาการพิจารณาว่าจะมอบหมายให้หน่วยงานใดรับผิดชอบดำเนินการ ซึ่งจะต้องดูในรายละเอียด ซึ่งอาจจะมีการเรียกผู้เสียหายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการขั้นตอนต่อไป