"บิ๊กเด่น" มอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติหน่วยงานที่มีส่วนร่วมดำเนินการโครงการชุมชนยั่งยืน แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ปี 2566 สามารถค้นหาผู้เสพและรู้จักปัญหาในชุมชน 1,483 จุด ค้นหาผู้เสพได้กว่า 25,000 ราย ทำให้คืนคนดีสู่สังคมจะแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดน และเน้นย้ำการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัย ต้องใส่เสื้อเกราะ หรือหมวกกันกระสุน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 21 ก.ย.66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีมอบโล่ยกย่องเชิดชูเกียรติและใบประกาศนียบัตร ให้แก่บุคคล และหน่วยงานที่มีส่วนร่วมสำคัญในการดำเนินการโครงการชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 พร้อมเปิดเผยว่า โครงการชุมชนยั่งยืนเป็นโครงการที่ต้องการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมนุมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเริ่มดำเนินโครงการมาเมื่อปี 2564 ซึ่งเห็นผล จึงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 สามารถค้นหาผู้เสพและรู้จักปัญหาในชุมชนมากขึ้น จำนวน 1,483 จุด (โรงพักละ 1 เป้าหมาย) ค้นหาผู้เสพได้กว่า 25,000 ราย สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะได้รับความร่วมมือจากพื้นที่มากขึ้น โดยมีการประเมินผลและมอบรางวัลดีเด่นให้แต่ละภาคแต่ละจังหวัด ประเมินจากจากการทำงานร่วมกันของหลายๆ ฝ่าย เช่น ฝ่ายปกครอง กำนันผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ สาธารณสุข ตลอดจนผู้นำทางศาสนา บางพื้นที่ภาคเอกชนก็มาติดตั้งกล้องให้เพื่อขับเคลื่อนโครงการ
โดยปีที่แล้วเป็นปีแรกที่มอบรางวัลให้ช่วงเดือน ต.ค. และปีนี้เป็นปีที่สองที่มอบให้ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ โดยทุกคนและทุกหน่วยที่ได้รับรางวัลก็เต็มใจมาไม่ว่าจะต้องเดินทางไกล เช่น จากสงขลาและขอนแก่น ทุกคนดีใจที่ได้มีส่วนร่วม ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มเหล่านี้จะเป็นต้นแบบที่ขับเคลื่อนในระดับภาคและจังหวัดต่อไป ซึ่งจากการที่ได้วิทยากรและเครือข่ายจากหลายภาคส่วนเชื่อว่าปีนี้ที่รัฐบาลส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้ภายใน 1 ปี โครงการชุมชนยั่งยืนจะเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล
...
ผบ.ตร. กล่าวว่า ในแง่ของการปราบปรามตำรวจดำเนินการอย่างเต็มที่อยู่แล้ว โดยตัวเลขการจับกุมมากกว่าปี 2565 ในทุกมิติ ทั้งการดำเนินคดีกับผู้ค้ารายย่อย เครือข่ายตลอดจนถึงการฟอกเงินการยึดทรัพย์ และที่สำคัญคือตัวยาเสพติดก็จับกุมมากขึ้นด้วย ซี่งก็ทำควบคู่กันไป เพราะแม้จะจับกุมมาก แต่ตัวชี้วัดที่สำคัญคือราคายาเสพติด (ยาบ้า) ไม่ได้แพงขึ้น แสดงว่าแม้จะจับมากก็ไม่ส่งผลให้ยาเสพติดหมดไป แต่ยาเสพติดยังหาได้ง่ายอยู่
ดังนั้นก็ต้องทำควบคู่กันไปหลายมิติ โดยเฉพาะหากลดจำนวนผู้เสพลงและคืนคนดีสู่สังคม จะแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ส่วนการป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดนนั้น หลักการของแนวชายแดนเป็นพื้นที่ของทางทหาร ฝั่งเหนือตามแนวช่องทางธรรมชาติเป็นของทหารพรานและตำรวจตระเวนชายแดน แต่พื้นที่ตอนในลงมาเป็นของตำรวจ ต้องทำงานควบคู่กัน ส่วนทางภาคอีสานช่องทางแม่น้ำโขงส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของ หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง หรือ นรข. และทหารเรือ เข้ามาตอนในก็จะเป็นตำรวจ ส่วนการลักลอบทางภาคใต้จะเป็นแนวทะเล โดยผู้ก่อเหตุจะลักลอบนำเข้าทุกช่องทาง และปัจจุปันพบว่าใช้การลักลอบทางพัสดุภัณฑ์มากขึ้น
"ยอมรับเป็นปัญหาที่ซับซ้อน อาจจะป้องกันไม่ได้ทุกแนวแบบ 100% หากราคาขายในประเทศยังราคาถูกหาได้แสดงว่ามีการลักลอบอยู่ ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะกับขบวนการค้ายาเสพติดที่เชียงราย เสียชีวิต 1 ศพ ตนเองได้มีการกำชับมาตลอด เน้นย้ำการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัย ต้องใส่เสื้อเกราะ หรือหมวกกันกระสุน แต่บางครั้งยอมรับเป็นเหตุเฉพาะหน้าที่ไม่ได้เตรียมตัว ซึ่งให้ถือเป็นบทเรียนว่าการทำงานมีความเสี่ยงห้ามประมาทเด็ดขาด เพราะคนร้ายมีแรงจูงใจที่สูงจึงต้องต่อสู้เพื่อหลบหนี จึงเป็นอันตราย ดังนั้นการทำงานต้องรอบคอบและใจเย็น ส่วน ผบ.ตร.คนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่ก็ขอให้สานต่อแนวทางที่ทำอยู่ ทั้งโครงการชุมชนยั่งยืน และการจัดฐานข้อมูลตัวเลขผู้ค้าผู้เสพที่มีอยู่ในระบบกว่า 7 แสนราย และค้นหาผู้เสพ ผู้ป่วยทางจิตเวช ซึ่งจากการค้นหาตอนแรกพบกลุ่มเข้าข่ายกว่า 4-5 หมื่นราย ที่มีภาวะทางจิตเสี่ยงเป็นอันตราย ต้องดึงออกมาจากชุมชน หรือเฝ้าระวังพิเศษ เพราะถือเป็นภัยต่อสังคม" ผบ.ตร.กล่าว