2 หนุ่มเพื่อนรักต่างวัยทะเลาะกันกล่าวหาว่าอีกฝ่ายขโมยเงินไป 2,000 บาท จนเกิดการทะเลาะวิวาท สุดท้าย ฝ่ายคนกล่าวหาสู้ไม่ได้จึงชัดมีดออกแทงเพื่อนเสียชีวิต
เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 1 เม.ย. 2566 ร.ต.อ.สาลี ดวงอุประ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุแทงกันตายที่บริเวณห้องเช่าภายในบ้านเลขที่ 21/2 หมู่ 6 ต.บ้านป่า ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก และกำลังตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจกลุ่มงานสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ
ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าปูนชั้นเดียวสร้างติดกันหลายห้อง บริเวณหน้าห้องพักหมายเลข 9 พบศพผู้เสียชีวิตนอนหงายจมกองเลือดอยู่ ทราบชื่อคือ นายวัชรินทร์ ไกรเกตุ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 3 ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีฟ้า กางเกงบ็อกเซอร์สีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าบริเวณกกหูขวา 1 แผล และชายโครงขวา 1 แผล ขนาดความกว้างประมาณ 3 ซม. ภายในห้องพักผู้ตายพบลักษณะมีร่องรอยการต่อสู้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บหลักฐานสำคัญต่างๆ เพื่อใช้ประกอบสำนวนคดี ก่อนส่งร่างผู้เสียชีวิตไปพิสูจน์ศพอย่างละเอียดอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร
ตำรวจสอบสวน น.ส.กาญจนา เตื่อยตุ่น อายุ 39 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์และเป็นลูกสะใภ้เจ้าของห้องเช่า เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายโบ้ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 32 ปี เพื่อนสนิทของนายวัชรินทร์ หรือหนิง ผู้ตาย แม้อายุจะต่างกัน โดยก่อนหน้านี้นายโบ้เคยพักอาศัยอยู่ห้องเช่าหมายเลข 2 ส่วนผู้ตายพักอาศัยอยู่ห้องเช่าหมายเลข 9 ปัจจุบันนายโบ้ได้ย้ายออกไปแล้ว ทั้งสองคนทำงานเป็นลูกจ้างร้านผลไม้อยู่ในตลาดไทยเจริญ ตลาดกลางผลไม้ จ.พิษณุโลก ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ โดยผู้ตายมาเช่าห้องพักอาศัยได้ประมาณ 1 ปีกว่าแล้ว
...
ก่อนเกิดเหตุนายโบ้ได้ปั่นรถจักรยานมาหานายวัชรินทร์ ผู้ตายที่ห้องเช่า จากนั้นได้ยินเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงเรื่องที่นายโบ้กล่าวหาว่าผู้ตายขโมยเงินไปจำนวน 2,000 บาท แต่ผู้ตายยืนยันว่าไม่ได้ขโมยเงินไปแต่อย่างใด จนสุดท้ายเกิดการชกต่อยกันชุลมุน นายโบ้สู้ไม่ได้จึงใช้อาวุธมีดที่พกมาแทงตามร่างกายนายวัชรินทร์จนล้มฟุบนอนกองที่พื้นหน้าห้องเช่า แต่ตอนนั้นนายวัชรินทร์ยังไม่เสียชีวิต ตนจึงรีบโทรแจ้งรถพยาบาลทาง 1669 ให้มารับตัวไปทำการรักษา แต่คาดว่าน่าจะเสียเลือดมากจนทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงแจ้งเหตุให้ตำรวจมาตรวจเหตุดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสามารถติดตามไปจับกุมตัวนายโบ้ได้อย่างทันควัน ขณะหลบหนีไปอยู่ที่ตลาดไทยเจริญ ทราบชื่อจริงคือ นายณรงค์ฤทธิ์ โพนกระโทก อายุ 32 ปี เป็นชาว จ.โคราช สอบถามเบื้องต้นรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง สาเหตุเนื่องจากโกรธแค้นผู้ตายที่เป็นเพื่อนสนิทซึ่งทำงานที่เดียวกัน แต่กลับขโมยเงินจากน้ำพักน้ำแรงไปจำนวน 2,000 บาท ตำรวจจึงควบคุมตัวมาที่เกิดเหตุเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ รวมถึงหาของกลางอาวุธมีดปลายแหลมยาวประมาณ 4 นิ้ว ซึ่งนายโบ้อ้างว่าโยนทิ้งในพงหญ้าริมถนนสายพิษณุโลก - อุตรดิตถ์ หน้าบ้านเช่าจุดเกิดเหตุ โดยตำรวจและกู้ภัยช่วยกันลงไปค้นหาแล้วแต่ยังไม่พบอาวุธมีดที่เป็นของกลางแต่อย่างใด
ขณะที่เพื่อนของนายโบ้ ผู้ก่อเหตุ หลังทราบข่าวได้เดินทางมาดูจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากที่นายโบ้แทงนายวัชรินทร์ตาย เนื่องจากปกติแล้วนายโบ้มีนิสัยใจคอดีมาก เป็นคนใจเย็นไม่เคยไปมีเรื่องอะไรกับใคร เจอใครก็ชอบยกมือไหว้ตลอดทุกครั้ง แต่เมื่อเรื่องเกิดไปแล้วก็ได้แต่ให้กำลังใจและให้ไปชดใช้ในสิ่งที่ตนเองก่อเอาไว้
จากนั้นตำรวจได้นำตัวนายโบ้ไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมอย่างอีกครั้งที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยนายโบ้มีสีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติเหมือนไม่เรื่องอะไรเกิดขึ้น ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า คดีนี้หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในทันที พร้อมให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจากความแค้นในเรื่องส่วนตัว ลงมือใช้อาวุธมีดแทงไป 2 ครั้ง จนทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย จึงแจ้งข้อหาฐานความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ส่วนศพของผู้เสียชีวิตพนักงานสอบสวนจะได้ติดต่อญาติให้มารับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป