เจ้าอาวาสวัดดังขอนแก่น วัย 74 ปี ขับเก๋งพุ่งออกจากซอย ตัดหน้า จยย.ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านดับคาที่ ส่วนลูกชายบาดเจ็บ เศร้าผู้เสียชีวิตเพิ่งเรียนจบ รอรับปริญญาปีหน้า ตำรวจ สภ.พล ยังไม่แจ้งข้อหา อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 17 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 182 บ้านหนองคูรอง ม.7 ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของ นางสาวสโรชา ห่อยไธสงค์ อายุ 23 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์เก๋งที่ขับขี่โดยพระสงฆ์ เหตุเกิดบริเวณใกล้ปากทางเข้าบ้านหนองไผ่ ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา

นายนิวัฒน์ ห่อยไธสงค์ บิดาของผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองคูรอง ม.7 กล่าวว่า ครอบครัวมีบุตร 3 คน นางสาวสโรชา หรือน้องอาย เป็นบุตรสาวคนโต ส่วนคนที่ 2 และ 3 เป็นบุตรชาย น้องอายเพิ่งจะเรียนจบระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น และจะรับปริญญาในปีหน้า แต่ยังคงพักและทำงานอยู่ในเมืองขอนแก่น

“ทุกวันเสาร์ ลูกชายคนที่ 2 ซึ่งเรียนอยู่ที่จังหวัดมหาสารคามจะนั่งรถโดยสารมาหาพี่สาวที่ขอนแก่น จากนั้นพี่สาวกับน้องชายก็จะขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยาม่าฮ่า สกูปปี้ไอ ทะเบียน 2 กฏ 6022 ขอนแก่น ซ้อนท้ายกันกลับมาหาพ่อกับแม่ที่บ้าน ก่อนเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากน้องชายไปหาพี่สาว ก็พากันขับขี่รถจักรยานยนต์มาหาพ่อแม่ที่ อ.พล แต่พอมาถึงปากทางบ้านหนองไผ่ ต.ลอมคอม ก็ประสบอุบัติเหตุชนกับรถเก๋งของ พระเสน สีกะยอม อายุ 74 ปี เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม บ้านหนองคูรอง ทำให้ลูกสาวเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกชายบาดเจ็บขาหัก ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.สิรินธร

...

ส่วนเรื่องคดีต่างๆ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับเจ้าอาวาสวัดที่เป็นคู่กรณีแต่อย่างใด คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะขณะนี้ครอบครัวต้องการตั้งสวดอภิธรรมศพลูกสาวก่อน”

ในขณะที่ พระเสน สีกะยอม อายุ 74 ปี เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม บ้านหนองคูรอง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์ ทะเบียน กม 6096 อุดรธานี ออกจากวัดไปทำกิจของสงฆ์ที่บ้านหนองไผ่ จึงไปบอกบุญญาติโยม โดยขับรถยนต์ไปเพียงลำพัง เมื่อเสร็จกิจก็ขับรถจะกลับมาที่วัด ช่วงจังหวะที่จอดรถชะลอที่ปากซอย เพื่อจะออกไปสู่ถนนใหญ่นั้น มีรถยนต์วิ่งมาทางตรงจากเมืองพล เลี้ยวซ้ายเข้าในหมู่บ้าน และคิดว่าไม่มีรถแล้ว จึงพุ่งรถออกมาจากซอย เป็นช่วงเดียวกันกับที่รถจักรยานยนต์ที่ขับมาจากทาง อ.พล พุ่งชนที่แก้มขวาฝั่งคนขับ ทำให้รถเก๋งเสียหลักตกลงไปในคลองข้างทาง ส่วนคนขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมา ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต รู้สึกเสียใจกับอุบัติเหตุครั้งนี้ที่ทำให้ลูกหลานเสียชีวิต จึงขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้ตายด้วย

ส่วนค่าเสียหายและค่าทำขวัญคนเจ็บ หรือการช่วยเหลืองานศพฝ่ายคนตายนั้น ยังไม่มีการพูดคุยกัน และในทางคดีอาญานั้นหากถูกแจ้งข้อหา ก็จะพิจารณาดูว่าจะสึกหรือไม่ ส่วนทางวินัย ยังไม่ได้รายงานให้ทางเจ้าคณะตำบลและพระผู้ใหญ่ทราบ

ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวเข้าพบ ร.ต.อ.หญิงณฐา กิจหนองสรวง รอง สว.(สอบสวน) สภ.พล พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอุบัติเหตุดังกล่าว ทราบว่า ช่วงบ่ายวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถยนต์ที่บริเวณปากทางบ้านหนองไผ่ จึงไปตรวจที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ของฝ่ายคนตายล้มอยู่กลางถนน ใกล้กันมีศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อว่า นางสาวสโรชา ห่อยไธสงค์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182 บ้านหนองคูรอง ม.7 ต.ลอมคอม อ.พล จ.ขอนแก่น

ส่วนคนเจ็บเป็นน้องชายคนตาย ทราบชื่อว่า นายนวพล ห่อยไธสงค์ อายุ 19 ปี ขาหัก ถูกนำส่งไปรักษาตัวที่ รพ.สิรินธร และพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีบรอนซ์ ทะเบียน กม 6096 อุดรธานี มีพระเสน สีกะยอม อายุ 74 ปี เจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม บ้านหนองคูรอง เป็นคนขับ และยังอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

ร.ต.อ.หญิงณฐา กิจหนองสรวง รอง สว.(สอบสวน) สภ.พล กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนพระเสน ในเบื้องต้นให้การยอมรับสารภาพว่า ได้ขับรถเก๋งออกจากวัดเพื่อไปทำกิจของสงฆ์เพียงลำพัง และไม่มีใบขับขี่ โดยขณะขับรถออกจากซอยเพื่อออกมายังถนนใหญ่สาย อ.พล ไป อ.แวงน้อย นั้น มองไม่เห็นรถจักรยานยนต์ เพราะมีรถยนต์ที่วิ่งนำหน้ามาบังเอาไว้ จึงขับรถพุ่งออกไป ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มาด้วยความเร็วพุ่งชนที่ข้างรถเก๋ง ทำให้รถเก๋งเสียหลักพุ่งตกคลองข้างทาง ส่วนรถจักรยานยนต์ก็ล้มลงกลางถนนและมีคนเจ็บคนตายดังกล่าว ส่วนรถจักรยานยนต์นั้นในเบื้องต้นทราบว่าน้องชายเป็นผู้ขับ พี่สาวนั่งซ้อนท้ายและเสียชีวิต

“อุบัติเหตุในครั้งนี้ยังไม่ได้ทำการสอบสวนฝ่ายใด เพราะฝ่ายคนเจ็บต้องรักษาตัว และญาติพี่น้องก็ต้องการจัดงานศพให้คนตายก่อน และเมื่อทุกฝ่ายพร้อมก็จะทำการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เป็นฝ่ายผิด ถ้าหากว่าการสอบสวนอย่างละเอียดชันเจนแล้วพบว่าพระเป็นฝ่ายผิดก็จะถูกแจ้งข้อหาทางอาญา ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด และได้ทำการตรวจวัดแอลกอฮอล์จากพระแล้ว แต่ไม่พบ”.

...