กองปราบแกะรอยตามรวบ "แจ็ค บางพูน" โจรในคราบพลเมืองดี ทำทีช่วยเหลือจะเป็นพยานให้ในคดีรถชน พอเหยื่อเผลอ ฉกนาฬิกาหรู 6 ล้าน และแหวนเพชร หลบหนี
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ต.สรศักดิ์ แสงจันทร์ สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายพงษ์เดช หรือแจ็ค บางพูน ลิ้วตระกูล อายุ 41 ปี ในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟ หรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกันหรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อให้พ้นการจับกุม
พร้อมตรวจยึดของกลาง นาฬิกา Richard Mille 233 สีขาว รุ่นลำดับ 789 จำนวน 1 เรือน แหวนเพชร สลักอักษรภาษาอังกฤษว่า THE iCON จำนวน 1 วง เสื้อยืดคอกลมสีขาว และเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ แถบบริเวณไหล่สีเหลือง ปักอักษร CCNC สีขาว จำนวน 1 ตัว ที่หน้าอกเสื้อ หมวกแก๊ปสีดำ ที่ใส่ในที่เกิดเหตุ จำนวน 1 ใบ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าคลิก สีดำ-เหลือง ทะเบียน ขนล 156 ภูเก็ต 1 คัน ที่ใช้เป็นยานพาหนะในวันที่เกิดเหตุ จับได้ห้องพักในพื้นที่ หมู่ 6 ตำบลบางพูน อำเภอเมืองปทุมธานี
พ.ต.อ.บุญลือ เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกของวันที่ 13 กันยายน ผู้เสียหายได้ขับรถเบนซ์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่บริเวณจุดกลับรถหน้าตลาดพูนทรัพย์ ต.บ้านกลาง อ.เมืองปทุมธานี จึงจอดรถลงมาช่วยเหลือคนเจ็บ พร้อมแจ้งหน่วยกู้ภัยให้มารับตัวรักษาที่โรงพยาบาล ระหว่างนั้นมี นายพงษ์เดช หรือแจ็ค ขี่รถจักรยานยนต์มาที่เกิดเหตุ อ้างว่าจะเป็นพยานให้ พร้อมให้เบอร์โทรไว้ติดต่อ เมื่อกู้ภัยมาถึง ผู้เสียหายได้ช่วยนำผู้บาดเจ็บขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล หลังเสร็จสิ้นเดินกลับมาขึ้นรถพบว่ากระเป๋าสะพายซึ่งภายในกระเป๋ามีนาฬิกา Richard Mille 233 สีขาว รุ่นลำดับ 789 จำนวน 1 เรือน และแหวนเพชรอีก 1 วง วางไว้เบาะกลางด้านหลังหายไป รวมทั้งไม่พบนายแจ็คที่มาแสดงตัวให้ความช่วยเหลือด้วย
...
เมื่อโทรสอบถาม นายพงษ์เดช หรือแจ็ค กลับบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น และเบอร์โทรนี้ไม่ใช่ของนายแจ็ค หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.สวนพริกไทย ก่อนจะมาขอให้ตำรวจกองปราบปรามช่วยสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย
ผกก.2.บก.ป. กล่าวต่อว่า หลังรับแจ้งได้นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนแกะรอยหาตัวคนร้ายกว่า 1 สัปดาห์ จนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายพงษ์เดช มีอาชีพรับจ้างเป็นลูกจ้างประจำอยู่ร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ปทุมธานี จึงวางแผนจับกุมตัวได้ดังกล่าว พร้อมตรวจค้นภายในห้องพัก พบทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งหมด และเสื้อผ้าที่ใส่ในวันเกิดเหตุ จึงจับกุมตัวดำเนินคดี
เบื้องต้นสอบสวน นายพงษ์เดช ให้การรับสารภาพ ตรวจสอบประวัติพบเคยมีคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และคดีวิ่งราวทรัพย์ เพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำจังหวัดแพร่มาเมื่อปลายปี พ.ศ.2559 ก่อนจะมาก่อเหตุซ้ำอีก ก่อนนำตัวส่ง พงส.สภ.สวนพริกไทย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.