เด็กชายวัย 14 ปี ที่ห้วยใหญ่ ชลบุรี ถูกกลุ่มคนในหมู่บ้านจับตัวอุ้มขึ้นรถซาเล้งไปต่อหน้าญาติ อ้างเด็กขโมยทอง เงินสด 3 พัน เดี๋ยวพาไปจัดการเอง เพราะแจ้งตำรวจจับส่งสถานพินิจไม่นานก็ออกมาอีก ก่อนมาส่งคืนในสภาพกลายเป็นศพ มัดมือ ถูกทำร้ายจนช้ำในตาย
จากเหตุการณ์ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ก.ย. พ.ต.ต.ประกาศิต พละเดช สว.สอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ ได้รับแจ้งว่าพบศพเด็กชายนอนตายปริศนาในโรงจอดรถ บ้านเลขที่ 359/2 ม.10 ซอยหัวหนอง ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรกิจ อินอ่ำ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ ตำรวจฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.วัดญาณฯ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯ เมืองพัทยา รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว บริเวณโรงจอดรถ พบศพ ด.ช.ไกรศิริ หรือ น้องเขียด อายุ 14 ปี สภาพศพนอนตะแคงข้าง นุ่งกางเกงนักเรียนสีดำตัวเดียว มีร่องรอยเขียวช้ำจากการถูกรัดด้วยเชือกที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง ตามร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆ ทั่วร่างกาย เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง แพทย์เวรได้ทำการชันสูตรเบื้องต้น ร่องรอยเขียวช้ำที่เกิดขึ้นเกิดจากการถูกทำร้าย ตำรวจจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมส่งศพให้สถาบันนิติเวช ทำการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง
นายเด่น สินธุสระ อายุ 40 ปี เป็นน้าของเด็กที่เสียชีวิต เล่าว่า หลานถูกกลุ่มชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอู่ซ่อมรถ จยย.หน้าปากซอย ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 100 เมตร ทำร้าย โดยกล่าวหาว่าน้องไปขโมยทอง 1 บาท และเงินสด 3 พันบาท โดยก่อนเกิดเหตุประมาณตี 2 แม่ของตนได้ยินเสียงเด็กถูกทำร้าย ร้องทรมานด้วยความเจ็บปวด แม่จึงปลุกตนให้ลุกออกไปดู เมื่อออกไปดูก็พบว่ามีชายวัยรุ่น 4 คน 1 ใน 4 ชื่อ นายพริก (ไม่ทราบนามสกุล) อายุประมาณ 25 ปี กำลังยืนล้อมหลานของตนอยู่ โดยพยายามขู่ให้คืนทองกับเงิน บางช่วงก็ใช้มือตบหลานหลายครั้งให้สารภาพ ตนเห็นท่าไม่ดี จึงขู่ว่าถ้าทำแบบนี้จะไปแจ้งตำรวจ แต่ถ้าเด็กขโมยจริงก็จับส่งตำรวจไป แต่คนก่อเหตุพูดสวนกลับมาว่า “ถ้าส่งตำรวจ ก็ต้องถูกส่งตัวต่อไปสถานพินิจ เข้าไปไม่นาน เดี๋ยวก็ออกมา” ส่วนหลานในขณะนั้นอยู่ในอาการเงียบไม่พูดตอบโต้อะไร ตนจึงขู่บอกว่าถ้ายังไม่หยุดทำร้ายหลานจะไปแจ้งตำรวจ จากนั้นกลุ่มคนร้ายก็อุ้มหลานขึ้นรถจักรยานยนต์สามล้อพ่วงข้าง โดยอ้างว่าจะพาหลานไปเอาทองที่ซ่อนไว้ ตอนนั้นยอมรับคิดว่าหลานเป็นคนขโมยของไปจริง เพราะหลาน ปัจจุบันไม่ได้เรียนหนังสือ และเคยมีพฤติกรรมขโมยของ ถูกจับส่งสถานพินิจหลายรอบ จึงไม่ได้แจ้งความกับตำรวจ จนกระทั่งมีคนมาเล่าว่าเห็นกลุ่มวัยรุ่นพาหลานนั่งซ่อนท้าย ประกบหน้าประกบหลังพาหลานมาส่ง ช่วงประมาณ 11 โมงของวันเดียวกัน ก่อนจะพบว่าหลานกลายเป็นศพดังกล่าว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้
...
ขณะที่ นายวิทยา อายุ 44 ปี พ่อของเด็กที่เสียชีวิต ซึ่งยังอยู่ในอาการโศกเศร้า เปิดเผยเพียงว่า ภรรยาเพิ่งเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ต้องมาเสียลูกไปอีก ยอมรับว่าทำใจไม่ได้ เพราะมีลูกคนเดียว และขอให้ตำรวจจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนนางติ๋ว อายุ 65 ปี ผู้เป็นย่าของเด็ก เปิดเผยว่า หลังจากแม่ของหลานเสียชีวิต หลานก็ไม่ยอมไปโรงเรียน ตระเวนไปทั่วในหมู่บ้านเหมือนเด็กไม่มีความสุข ขาดความอบอุ่น โดยก่อนเกิดเหตุ นายพริก 1 ในผู้ก่อเหตุได้มาถามหาหลาน โดยอ้างว่าหลานไปขโมยทองและเงิน พร้อมทั้งขู่ว่าไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวจัดการเอง จนหลานมาเสียชีวิตดังกล่าว ขอประณามกลุ่มก่อเหตุว่าโหดร้ายเกินไป ทำไมถึงขั้นฆ่าแกงกัน
ด้าน พ.ต.อ.สุรกิจ อินอ่ำ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ กล่าวว่า เบื้องต้นให้กำชับฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งหมด เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เด็กอายุเพียง 14 ปี นอกจากนี้ ยังให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานทุกปาก เพื่อเร่งรวบรวมหลักฐานออกหมายจับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป.