ชาวบ้านกระบี่ สุดทนปัญหายาเสพติด ต้นตอ 3 คดีฆาตกรรมโหดในรอบ 7 วัน "แต่งชุดดำ" ยื่นหนังสือถึง "ลุงป้อม" รักษาการนายกฯ เสนอ 3 ข้อเรียกร้อง-เร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนจริงจังภายใน 15 วัน ไม่เช่นนั้นจะนัดชุมนุมใหญ่

จากกรณีคนร้ายก่อเหตุ ยิงเด็กนักเรียนตาย 3 ศพ ในพื้นที่ อ.เขาพนม จ.กระบี่ โดยมีมูลเหตุมาจากปัญหายาเสพติด ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 กันยายน 2565 นายมะโน เครือแก้ว กำนัน ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ พร้อมเครือข่ายภาคประชาชน ร่วม 200 คน เดินทางมารวมตัว แต่งชุดดำ หน้าศาลากลาง จ.กระบี่ เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกฯ ผ่าน พ.อ.สมบัติ สืบท้วม รอง กอ.รมน.กระบี่ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องยาเสพติดอย่างเป็นระบบ และเห็นผลอย่างแท้จริง หลังเกิดเหตุฆ่ากันตายอย่างโหดเหี้ยมติดๆ กันถึง 3 คดี ในพื้นที่ จ.กระบี่ โดยมีต้นเหตุมาจากปัญหายาเสพติด คดีล่าสุดคือ คดียิงนักเรียนดับ 3 ศพ โดนก่อนหน้าที่จะมีการยื่นหนังสือ มีกลุ่มนักศึกษาใน จ.กระบี่ ประมาณ 50 คน มารวมตัว เพื่อจะร่วมกับกลุ่มชาวบ้าน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ขับไล่ให้กลับไป

...

ทั้งนี้หนังสือเรียกร้อง มีเนื้อหาสำคัญเป็นข้อเรียกร้อง 3 ข้อหลัก คือ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติด จนนำไปสู่ความสูญเสียของผู้บริสุทธิ์รายวัน และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ภาครัฐยังไม่มีท่าทีที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ ต้นเหตุสำคัญคือ ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา ปล่อยให้ประชาชนอยู่อย่างหวาดกลัว ปล่อยให้กลุ่มผู้ค้ายา ผู้เสพยาครองเมือง มิหนำซ้ำยังมีเจ้าหน้าที่รัฐบางราย เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งเป็นผู้จำหน่ายเสียเอง รวมทั้งให้การสนับสนุน โดยการรับผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ค้ายากันอย่างแพร่หลาย ที่ผ่านมาภาครัฐปล่อยชุมชนดูแลกันเอง แบบตามมีตามเกิดจนนำไปสู่ความล้มเหลวในการแก้ไขควบคุมกวาดล้างอย่างสิ้นเชิง จนประชาชนเห็นตรงกันว่า รัฐหมดหนทางแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติแล้ว ประชาชน จ.กระบี่ จึงขอเรียกร้องมายังนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศนโยบาย หรือออกมาตรการและสั่งการ ให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระเร่งด่วนที่สุด ที่ต้องทำทันที โดยมีข้อเสนอแนะดังนี้

1. การประกาศกฎหมายกำหนดโทษกลุ่มผู้ค้า ผู้เสพให้มีบทลงโทษที่รุนแรงเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมามูลเหตุสำคัญ ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของยาเสพติส่วนหนึ่ง มาจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เด็ดขาด

2.ตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหายาเสพติดขึ้นมาเป็นพิเศษตั้งแต่ระดับชาติลงมาถึงระดับ หมู่บ้าน ชุมชน ซึ่งอาจมีผู้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการร่วมหลายฝ่าย ได้แก่ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และตัวแทนชุมชน โดยให้มีหน้าที่ ตรวจค้น จับกุม กวาดล้างกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด รวมถึงคัดกรองบุคคลที่เสพยาทุกราย เข้าสู่กระบวนการกักกันบำบัดให้ชัดเจน โดยเพิ่มระยะเวลาการเข้าสถานกักกัน และให้ชุมชนเป็นผู้ประเมินอาการและรับรองโดยประชาคม ก่อนปล่อยกลับสู่ชุมชนทุกราย ซึ่งรัฐบาลต้องสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการให้ชัดเจนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน อย่างยั่งยืน เพราะที่ผ่านมางบประมาณส่วนนี้ไม่เพียงพอ และลงมาไม่ถึงผู้ปฏิบัติในระดับพื้นที่ ชุมชน ทำให้ไม่มีศักยภาพในการปฏิบัติงาน

3.ต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดใน ทุกมิติ ทุกกรณีโดยเด็ดขาด และคาดโทษผู้มีส่วนรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด

ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้าน ที่มายื่นหนังสือ ขีดเส้นตายให้รัฐบาล เร่งดำเนินการออกมาตรการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนภายใน 15 วัน หากยังไม่มีการปฏิบัติให้เห็น จะนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง จากนั้น พ.อ.สมบัติ รับปากว่าจะนำเรื่องที่รับไว้ในวันนี้ เสนอไปยังรักษาการนายกฯ โดยตรง และจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนด้วย

วันเดียวกัน นายนิรุตน์ ดินแดง นายอำเภอปลายพระยา จ.กระบี่ นายพีระ กาญจพงศ์ ผอ.ป.ป.ส.ภาค 8 ระดม เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 8 ตำรวจ กก.สส.ภ.จ.กระบี่ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง อ.ปลายพระยา กว่า 100 นาย ออกปฏิบัติการยุทธการ "ปลายพระยาร่มเย็น ประชาร่วมใจ ป้องกันยาเสพติด" เข้าปิดล้อมตรวจค้น เป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด รวม 20 เป้าหมาย ยึดของกลางยาเสพติด ประเภท ยาบ้า จำนวน 1,167 เม็ด ยาไอซ์ 8 กรัม อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ จำนวน 5 กระบอก ผู้ต้องหา 8 ราย และผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเก่า จำนวน 3 ราย คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปลายพระยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย

...

นายนิรุตน์ นอภ.ปลายพาะยา เปิดเผยว่า ปฏิบัติการในวันนี้ เป็นเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ อ.ปลายพระยา มีความรุนแรงต่อเนื่อง มีผู้เสพยาเสพติดเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีการปราบปรามจับกุมอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีผู้ค้าผู้เสพเพิ่มขึ้น มีผู้เสพยาเสพติด จนมีอาการหลอนทำร้ายคนในครอบครัว มีให้เห็นทุกวัน หลังจากนี้ จะยังคงเพิ่มความเข้มในการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง.