โจรหนุ่มบุกเดี่ยวจี้ร้านทองย่านวังบูรพา ชักปืนพยายามให้เจ้าของร้านเห็น มีการเจรจาต่อรอง เจ้าของร้านฉวยโอกาสผลุบเข้าหลังร้านกดสัญญาณแจ้งตำรวจ โจรลังเล แต่สุดท้ายกระโดดขึ้นบนตู้โชว์ กวาดทองเส้นใหญ่หนัก 5 บาท ไปได้ 8 เส้น แต่ทำตกไว้หน้าร้าน 2 เส้น
เวลา 17.00 น. วันที่ 18 มิ.ย. 65 ร.ต.ท.ยุทธเกียรติ แสงกิ่ง รอง สวป.สน.พระราชวัง รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ห้างทองบ้วนหลี (ชมพู) เลขที่ 645-647 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.สมเกียรติ อภัยนอก สวป.สน.พระราชวัง พ.ต.อ.สมบูรณ์ สุขศรีดาวเดือน ผกก.3 บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น 3 คูหา ห่างจากห้างเมก้า สะพานเหล็ก ประมาณ 50 เมตร พบนายกรวิก หวังเจริญรุ่ง อายุ 58 ปี เจ้าของร้านพร้อมพนักงานหญิง ยืนรอให้การด้วยอาการตื่นตระหนก
จากการสอบสวนทราบว่า ช่วงเวลา 16.47 น. มีคนร้ายเป็นชาย 1 ราย อายุราวๆ 25-30 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ ใส่หน้ากากอนามัย ถือเป้สะพายสีดำ เดินมาจากทางด้านสะพานพระปกเกล้า มายืนเก้ๆ กังๆ ที่หน้าร้านนานเกือบ 1 นาที จนนายกรวิกยอมกดสัญญาณเปิดประตูให้ ซึ่งขณะนั้นมีลูกค้าผู้หญิงขาประจำอยู่ในร้านอีก 1 คน แต่อยู่ด้านซ้ายสุด
คนร้ายเปิดประตูค้างไว้ จากนั้นได้ชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดออกมาจากเป้สะพายหลัง เพื่อมาข่มขู่ แต่นายกรวิกไม่เห็น เดินไปคุยกับลูกค้าประจำที่ด้านซ้ายของตัวร้าน คนร้ายจึงเดินตามไป ใช้อาวุธข่มขู่ นายกรวิกจึงพยายามเจรจาต่อรอง แล้วฉวยจังหวะหลบเข้าไปหลังร้าน เพื่อกดสัญญาณเตือนภัยไปยัง สน.พระราชวัง ส่วนคนร้ายก็ยืนเคว้งอยู่เกือบ 1 นาที จนกระทั่งคิดว่านายกรวิกไม่ออกมาแน่ จึงเก็บปืนใส่เป้ แล้วปีนเหยียบบนตู้โชว์ เอื้อมมือไปกวาดทองที่ตู้ด้านหลังที่ไม่ได้ปิดประตูกระจกไว้ กวาดสร้อยคอทองคำน้ำหนักเส้นละ 5 บาท ไปได้จำนวน 8 เส้น น้ำหนักรวม 40 บาท ก่อนจะวิ่งหลบหนี แล้วทำทองตกไว้หน้าร้าน 2 เส้น จึงได้ไปแค่ 6 เส้น โดยคนร้ายได้จอดรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ-แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไว้ฝั่งตรงข้าม ห่างจากร้านประมาณ 20 เมตร ขี่ย้อนศรหลบหนีไปทางซอยลัดโรงเรียนบพิตรพิมุข แล้วเลี้ยวขวาขึ้นสะพานประปกเกล้าฯ ไปทางฝั่งธนบุรี
...
เบื้องต้นตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อหาเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ก่อนติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.