เจ้าของร้านอาหารเมืองกำแพงเพชร เผย พ.ต.ต.มีปัญหากับลูกค้าที่ร้านประจำ เรื่องกลับรถหน้าบ้าน ตามโวยขู่ ระวังลูกปืนวิ่งใส่หัว หวั่นเหตุรุนแรงมากกว่านี้ เตรียมย้ายร้านหนี ด้านนายตำรวจชี้แจง อยู่สายงานปราบปรามยาเสพติด ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ห่วงด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 3" ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์โต้เถียงกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง พร้อมระบุว่า ครอบครัวไปร้านอาหารแห่งหนึ่ง แถวคลองแม่ลาย จ.กำแพงเพชร เป็นซอยเล็กๆ จึงไม่รู้ว่าพื้นที่ถนนเล็กๆ ตรงบ้านหน้ามันไม่สามารถกลับรถได้ นั่งกินกันสักพัก ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน แล้วต่อว่า ไปกลับรถบ้านใครสุ่มสี่สุ่มห้า ระวังลูกปืนวิ่งใส่หัวนะ ทุกคนทั้งโต๊ะบอกขอโทษเกิน 10 ครั้งได้ และเขามักจะหาเรื่องลูกค้าร้านนี้บ่อย เจ้าของร้านเป็นพยานได้ อยากให้เจ้าหน้าที่ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบ นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อทางโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับ "น้องเบล" อายุ 28 ปี เจ้าของคลิป เล่าว่า "เมื่อคืนเป็นวันเกิดของน้า ซึ่งตนเองพร้อมครอบครัวได้เดินทางมารับประทานอาหารค่ำกันที่ร้านดังกล่าว ซึ่งน้าของตนเองมาร้านนี้บ่อย แต่ตนเองกับพ่อแม่ที่ขับรถยนต์ตามมาอีกคันไม่เคยมา ซึ่งก็ไม่ชินเส้นทางเพราะมันมืด โดยเข้ามาในบริเวณร้านถนนก็จะแคบมากเป็นซอยเล็กๆ และมีช่องสำหรับกลับรถ พ่อของตนเองก็แหย่หัวรถเข้าไปกลับรถตรงช่องเล็กๆ แค่นิดเดียว หลังจากนั้นก็เอารถมาจอดที่บริเวณหน้าร้านอาหาร (ข้างรั้ว)

พอมาจอดก็มานั่งในซุ้มรออาหารได้ไม่ถึง 5-10 นาที ก็มีผู้ชายในคลิปเดินเข้ามาถามว่า รถคันขาวรถใคร พ่อของตนเองเลยตอบว่ารถของตนเอง จากนั้นชายดังกล่าวก็บอกว่า "เข้าไปกลับรถบ้านคนอื่นระวังจะโดนลูกปืนยิงสวนออกมานะ หรือไม่ก็โดนหินโดนไม้ปาออกมาใส่รถนะ" ซึ่งพ่อของตนก็กล่าวขอโทษไป และบอกว่าครอบครัวตนเองเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ทุกคนในโต๊ะก็กล่าวขอโทษ แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอม และโวยวายโต้เถียงกันตามในคลิปดังกล่าว

...

ซึ่งลักษณะชายคนดังกล่าวทำมือไพล่หลังเหมือนมีอาวุธติดมาด้วย และพูดจาเชิงข่มขู่อย่างเดียว พอหลังจากเกิดเหตุการณ์ได้สอบถามข้อมูลกับเจ้าของร้านว่าเป็นใครยังไง ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่ถูกกับคนในพื้นที่ แม้แต่ลูกเมียก็อยู่ด้วยไม่ได้ ซึ่งเจ้าของร้านได้บอกอีกว่า ชายคนดังกล่าวก็มีปัญหากับทุกคนที่มากินข้าวเป็นลูกค้าร้านนี้ เหมือนจะมาหาเรื่องตลอดเวลา ซึ่งกรณีที่ครอบครัวของตนไปกลับรถอันนี้ก็ยอมรับผิด ทุกคนก็ยอมขอโทษหมด แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมจะเอาเรื่องให้ได้ จนตอนนี้เห็นว่าเจ้าของร้านเตรียมจะย้ายร้านไปตั้งขายที่อื่น เพราะทนพฤติกรรมของชายคนนี้ไม่ได้ ส่วนที่ตนเองนำคลิปมาโพสต์ในโซเชียลนั้น ตนเองเป็นประชาชนธรรมดา แต่เหมือนชายคนนี้จะเป็นตำรวจด้วย ถ้าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจะเอาผิดกับเรื่องดังกล่าวได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 23 เม.ย.65 ที่ผ่านมา และชายคนในคลิปเป็นตำรวจจริง ยศ พ.ต.ต. สังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร โดยตรงข้ามร้านอาหาร ตรงกับบริเวณหน้าบ้านของนายตำรวจก็มียางรถยนต์วางกั้นอยู่ไม่ให้กลับรถ และช่องว่างที่ลูกค้าไปกลับรถยนต์

นายกฤษณะพงศ์ อายุ 38 ปี เจ้าของร้าน เล่าว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นเจ้าของร้าน ยอมรับว่าก็อาจจะมีบ้างที่ลูกค้าบางครั้งไปกลับรถในที่ของเขา ซึ่งเป็นพื้นที่เขา ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นได้มีการขอโทษกันแล้ว โดยขณะนั้นตนกำลังทำอาหารให้กับลูกค้าอยู่ในครัว สักพักมีคนมาแจ้งว่ามีชายคนหนึ่งจากข้างนอกเข้ามาด่าลูกค้าในร้าน ตอนแรกตนคิดว่าเป็นเรื่องทะเลาะกันภายในร้าน แต่มาทราบในเวลาต่อมา ปรากฏเป็นคนที่อยู่ข้างบ้าน ซึ่งถ้าเขาเข้ามาชี้แจงกับตนเองที่เป็นเจ้าของร้าน คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อีกอย่างชายคนนี้มีตำแหน่งเป็นข้าราชการตำรวจ คุณก็น่าจะเข้าใจในข้อกฎหมายบ้าง และตนก็เข้าใจดีถึงการที่อาจจะมีคนเข้าไปกลับรถในที่ของเขา แต่บางทีคนเรามีที่อยู่ใกล้กัน อะไรที่คุยกันได้ก็น่าจะคุยกันดีๆ ตนไม่ได้เอาความอะไร ตนเจอกับเรื่องราวแบบนี้มาโดยตลอด ซึ่งต่อไปตนกังวลว่าลูกค้าที่เข้ามาเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย

โดยยอมรับมีผลกระทบบ้าง หากลูกค้ามาเจอเรื่องแบบนี้ถึงบรรยากาศดี อาหารอร่อย เขาก็คงไม่อยากเข้ามาซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา โดยที่ผ่านมายอมรับว่าข้างบ้านเขาไม่เคยมีสัมพันธ์ไมตรีมากับเราตั้งแต่เริ่มแรกที่เข้ามาอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ตนจัดงานที่ร้าน ไม่ว่าจะจัดงานอะไรก็แล้วแต่ ตนก็จะโดนนายตำรวจท่านนี้แจ้งความมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการใช้เสียง ซึ่งตนก็มีเพียงเครื่องเสียง และลำโพงขนาดเล็กเท่านั้นที่ใช้งานอยู่ ซึ่งตนคิดแก้ไขปัญหา และทางออกขณะนี้คือ ต้องย้ายออกจากที่นี่ไปอยู่ที่ใหม่เท่านั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นมันมีมานานตั้งแต่เริ่มเข้ามาก่อตั้งร้านอาหารเลย และตนคาดว่าขืนอยู่ต่อไปคงจะมีเรื่องที่รุนแรงมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

ซึ่งเราอาจจะเข้าไปดูแลลูกค้าไม่ทั่วถึงเกรงว่าหากไปเจอลูกค้าที่เป็นพวกนักเลง และเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงตนเกรงว่าจะเสียหายมาถึงทางร้านของเราอย่างแน่นอน ตนยอมรับว่าเคยคุยกันในเรื่องให้เขากั้นอาณาเขตให้เป็นสัดส่วนของเขา แต่เขาไม่ฟังเหตุผลของเราเลย และอีกอย่างร้านอาหารของตนจะมีนานๆ ครั้งที่ต้องใช้เสียง ซึ่งในส่วนนี้ถึงตนจะเปิดเป็นร้านอาหารก็ต้องขออนุญาตุใช้เสียงเช่นกัน ซึ่งในพื้นที่และทางการเข้าใจตนเป็นอย่างดี และก็จะมีข้างบ้านตนนี่แหละที่ไม่เข้าใจกันและมีปัญหากันมาโดยตลอด

...

ด้าน น.ส.อุไรทิพย์ อายุ 25 ปี พนักงานในร้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองเดินมาเสิร์ฟอาหารที่ซุ้ม ก็เห็นว่าชายคนดังกล่าวกำลังมีปากเสียงกับลูกค้าอยู่ ซึ่งลูกค้าก็ได้ขอโทษแล้วแต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอม จะเอาเรื่องให้ได้ ซึ่งเหตุการณ์ในคลิปเป็นช่วงท้ายของเหตุการณ์แล้ว ซึ่งลูกค้าก็โมโหตรงที่แค่แหย่รถเข้าไปกลับหน้าบ้านนิดเดียว ชายคนดังกล่าวถึงขั้นเข้ามาพูดจาเหมือนข่มขู่จะเอาปืนมายิงอะไรแบบนี้เลยเหรอ

ซึ่งฝั่งลูกค้าก็พูดขึ้นมาว่า "มันเป็น ห อะไรหนักหนาแค่กลับรถแค่นี้ ส่วนชายคนดังกล่าวก็พูดโต้กลับไปว่า "ไอ้ ห มึงพูดอย่างนี้ได้ยังไง" ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายก็มีปากเสียงกันรุนแรงขึ้น โดยเจ้าของร้านและตนเองก็ได้ห้ามและดึงทั้ง 2 ฝ่ายแยกออกจากกัน และขอโทษทั้ง 2 ฝ่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับฝ่ายนายตำรวจยศ พ.ต.ต. สังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร ยินดีที่จะให้ข้อมูล แต่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพและเสียง โดยเล่าเหตุการณ์ว่า "ในวันที่เกิดเหตุนั้น เป็นยามวิกาล ซึ่งปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในพื้นที่บ้าน นอกจากจะได้รับอนุญาต เนื่องจากเป็นห่วงด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะว่าที่ผ่านมานั้น ได้เคยจับกุมผู้กระทำความผิดมาจำนวนมาก เนื่องจากอยู่สายงานปราบปรามยาเสพติด จึงต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ

ในคืนที่เกิดเหตุนั้นตนเองได้เดินตามไปต่อว่าจริง เพราะต้องการตักเตือนเรื่องมารยาท โดยที่ทางคู่กรณีนั้นได้ขับรถเข้าไปในบริเวณบ้านโดยไม่ปิดไฟหน้ารถ แล้วขับออกมาทันทีโดยมิได้มีการตะโกนร้องขอตามมารยาทคนไทย เมื่อตนเดินไปเตือนในร้านได้รับคำขอโทษจากผู้ขับขี่จริง แต่ก็มีคนในกลุ่มใช้ถ้อยคำหยาบคายใส่ตน จึงเกิดความไม่พอใจ ทำให้ปรากฏภาพตามคลิปดังกล่าว

อยากให้สังคมมองด้านของตนเองบ้าง ซึ่งเกิดปัญหาแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็ไม่ถูกตัองที่จะเข้ามากลับรถถึงภายในบ้านคนอื่น หลังจากคลิปเผยแพร่ออกไป ตนได้นำเรื่องดังกล่าวรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะเจรจาไกล่เกลี่ยต่อหน้าผู้บังคับบัญชา ซึ่งไม่อยากให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ จึงไม่ขอให้สัมภาษณ์ครั้งนี้.

...