ร่างน้องเปรม นักศึกษาปี 1 มทร.อีสาน นครราชสีมา ถึงสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ พ่อยืนยันไม่ยกโทษให้ เชื่อกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุมีมากกว่า 6 คน ขณะที่มหาวิทยาลัยโต้ข่าวซ้ำรอย ชี้เป็นเคสแรกที่เกิดขึ้น

กรณีการเสียชีวิตของน้องเปรม นักศึกษาชาย ปวส.สาขาวิทยาลัยนวัตกรรมอาชีพ ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ที่ถูกรุ่นพี่ ปวส.ชั้นปี 2 รับน้องโหด ทำร้ายร่างกาย เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 13 มี.ค.65 ที่ผ่านมา ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สภ.มะเริง จ.นครราชสีมา นอกจากนี้จากการตรวจสอบ ATK พบว่าน้องเปรมติดโควิด-19 ด้วย

ความคืบหน้าคดีนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ครอบครัวนำร่างของน้องเปรม จากโรงพยาบาลค่ายสุรนารี มาให้แพทย์นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ชันสูตรศพ หลังโรงพยาบาลค่ายสุรนารีไม่มีห้องความดันลบ ไม่สามารถผ่าชันสูตรน้องเปรมที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทรัพย์ ผกก.สภ.มะเริง มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนทำหนังสือส่งศพน้องเปรมไปผ่าชันสูตรศพ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ

...

นายเอกชัย ชนภักดี พ่อของน้องเปรม ระบุว่า ทราบสาเหตุการเสียชีวิตของลูกว่า เกิดจากการรับน้องของรุ่นพี่ แต่ตนติดใจถึงการเสียชีวิตในครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาตนยังไม่เห็นสภาพศพหรือบาดแผลของลูก จึงขอให้แพทย์ชันสูตรศพก่อน สำหรับลูกชายเป็นคนแข็งแรง ชอบเล่นฟุตบอล ไม่มีโรคประจำตัว และไม่เคยเล่าเรื่องราวที่มหาวิทยาลัยให้ฟัง ทราบว่ามีความสุขที่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ โดยตนเองเคยขอให้ลูกชายเรียนที่บ้าน เพราะไม่อยากให้ลูกไปอยู่หอพักคนเดียว แต่ลูกก็ไม่ยอม ส่วนที่มหาวิทยาลัยชี้แจงว่าไม่ทราบเรื่องกิจกรรมรับน้องดังกล่าว ตนเองมองว่ายังไม่ชัดเจนเพียงพอ พร้อมยืนยันจะไม่ยกโทษให้กับกลุ่มคนที่ทำร้ายลูก และเชื่อว่ามีกลุ่มรุ่นพี่ที่ก่อเหตุมากกว่า 6 คน ทั้งนี้ขอให้ลูกชายตนเองเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของกิจกรรมรับน้องโหดลักษณะนี้ ส่วนประเด็นที่ลูกชายกำลังจะมีลูก ตนเพิ่งทราบ แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดกับแฟนสาวของลูกชาย

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์สุรพจน์ วัชโรภากุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน นครราชสีมา ระบุว่า ตั้งแต่ทราบเรื่อง ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ ให้ความช่วยเหลือครอบครัว โดยยินดีจะชดใช้และออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ ส่วนการดำเนินคดี ตำรวจอยู่ระหว่างการเชิญตัวนักศึกษารุ่นพี่ 6-7 คนที่อยู่ในเหตุการณ์รับน้องไปสอบปากคำ ซึ่งจะมีการตั้งข้อหาหรือไม่ยังไม่ทราบในรายละเอียด ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่หากตำรวจระบุว่ามีความผิด ทางมหาวิทยาลัยมีมาตรการลงโทษสูงสุดคือ ไล่ออก ซึ่งกรณีก็ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และพยานหลักฐาน เพราะปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวน และกลุ่มรุ่นพี่ยังมีสถานะเป็นนักศึกษา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุรพจน์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์วันดังกล่าว ทราบว่าเกิดขึ้นระหว่างคืนวันที่ 13-14 มีนาคม โดยเป็นกิจกรรมที่กลุ่มรุ่นพี่แอบจัดขึ้น ไม่ได้แจ้งกับทางมหาวิทยาลัย และเลือกสถานที่ที่อยู่ห่างไกล ซึ่งกิจกรรมแบ่งเป็นฐาน มีการร้องเพลง และมีบทลงโทษ คือการต่อยเข้าที่ท้องของน้องเปรม ส่วนรายละเอียดเหตุการณ์ตนเองยังไม่ได้สอบถามแน่ชัด ส่วนที่มีข่าวว่า มหาวิทยาลัยเคยจัดกิจกรรมรับน้องจนมีผู้เสียชีวิตมาแล้วก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าในขณะที่ตนเองมาดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ น้องเปรมเป็นเคสแรกที่เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับขั้นตอนการชันสูตรพลิกศพที่พบว่ามีเชื้อโควิด-19 อยู่ในร่างกาย แบ่งเป็น 2 กรณี คือกรณีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด ขั้นตอนต้องบรรจุศพอยู่ในถุงซิปล็อก 3 ชั้น เมื่อถูกส่งมาที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เจ้าหน้าที่จะใช้วิธีการถ่ายรูปร่างผู้เสียชีวิต จากนั้นถอดเสื้อผ้านำเข้าเครื่องสแกน เพื่อทำการชันสูตรผ่านเครื่องระบบคอมพิวเตอร์ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่สัมผัสตัวผู้ติดเชื้อ

ส่วนกรณีผู้ที่เสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ หรือสงสัยว่าจะมีการฆาตกรรม จำเป็นต้องผ่าชันสูตร เจ้าหน้าที่ต้องนำเข้าห้องความดันลบ โดยสวมชุดพีพีอี ป้องกันเชื้อ ซึ่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มีความพร้อมทั้งบุคลากรและอุปกรณ์ การชันสูตรฯ เพื่อส่งผลตรวจกลับไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี รับไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป