อดีตผู้กำกับโจ้ ขอความเป็นธรรม อ้างคลิปถุงครอบหัว ถูกตัดต่อเอาช่วงที่พยายามช่วยชีวิตผู้ตายออกไป รับครอบจริงแต่ไม่ได้รัดแน่นจนขาดอากาศหายใจ เพียงแค่ทำให้กลัว ศาลนัดสืบพยานนัดแรก 19 ก.พ.นี้ มีพยานเข้าสืบทั้งหมด 23 ปาก
วันที่ 19 มกราคม ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ และพวกรวม 7 คน ร่วมกันใช้ถุงดำคลุมศีรษะนายจิระพงษ์ หรือ มาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต โดยจำเลยถูกฟ้องรวม 4 ข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,157,288,289(5),309 วรรค 2 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4,172
คดีนี้ จำเลยทั้ง 7 รับข้อเท็จจริงว่า 1.ช่วงเกิดเหตุจำเลยทั้ง 7 ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่สืบสวน จับกุม ปราบปราม ตามกฎหมาย เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ 2.ในวันเกิดเหตุได้จับกุมนายจิระพงษ์ หรือมาวิน และน.ส.กนกวรรณ คล้ายนิ่ม ภรรยา หลังจากพบหลักฐานเป็นยาเสพติดประเภท 1 เมทแอมเฟตามีนชนิดเกล็ด หรือไอซ์จำนวน 300 กรัม
3.ชุดจับกุมได้มีการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายจิระพงษ์ หรือมาวิน พบว่ามีภาพถ่ายกล่องใส่ยาเสพติดจำนวนมาก 4.ได้ไปค้นบ้านพักซึ่งเป็นของบิดานายมาวิน แต่ไม่พบหลักฐาน 5.จำเลยที่ 1-7 ได้พานายจิระพงษ์ หรือมาวิน มาสอบสวนขยายผลที่ห้องปฏิบัติการพิเศษยาเสพติดฯ 6. จำเลยที่ 1 ได้นำถุงพลาสติกจำนวนหลายใบมาคลุมหัวของนายจิระพงษ์ หรือมาวิน และจำเลยที่ 2 -7 อยู่ในห้องขณะเกิดเหตุ 7.จำเลยที่ 1-7 รับว่ากล้องที่บันทึกภาพและภาพที่ปรากฏจำเลยที่ 1-7 เป็นตนเองที่ใส่ชุดในวันเกิดเหตุตามเอกสารหลักฐานในเอกสาร
ระหว่างการตรวจหลักฐาน พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือโจ้ จำเลยที่ 1 ได้ขอแถลงต่อศาลว่าวันที่เกิดเหตุยอมรับว่า ได้ทำการคลุมถุงดำจำนวนหลายใบกับนายจิระพงษ์ หรือมาวินจริง แต่ไม่ได้บีบรัดให้แน่นจนขนาดขาดอากาศหายใจ เพียงแต่ทำให้กลัว และขอให้ศาลช่วยตรวจสอบคลิปที่ส่งไปในครั้งแรก เนื่องจากมีการตัดต่อคลิป นำภาพการพยายามช่วยชีวิตนายจิระพงษ์ หรือมาวิน และคลิปภาพตำรวจบางนายที่อยู่ในที่เกิดเหตุออกไป และให้การเท็จว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเนื่องจากเจ้าของคลิปมีส่วนรู้เห็น ซึ่งได้ส่งคลิปเต็มผ่านทางทนายให้ศาลพิจารณาแล้ว
...
ขณะที่ศาลแจ้งว่าคลิปทั้งหมดศาลจะนำไปเป็นวัตถุพยานหลักฐาน หากจำเลยเห็นต่างก็ให้ว่ากันในของชั้นพิจารณา และหากเห็นว่าเมื่อสืบพยานทั้งหมดที่นัดแล้วยังได้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วน ศาลอาจจะพิจารณาเพิ่มพยานในภายหลังได้ จากนั้นศาลได้นัดกำหนดสืบพยานทั้งหมด 23 ปาก โดยกำหนดวันที่ 19-21 ก.พ.65 และ 5-6,12-13 มี.ค.65 รวม 7 นัด
ขณะที่นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของจำเลยที่ 1 เปิดเผยว่า คดีนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ดังนั้น รายละเอียดคงไม่สามารถเปิดเผยได้มากนัก แต่ในส่วนของพยานหลักฐาน เนื่องจากระบบของศาลทุจริตฯ เป็นการพิจารณาแบบแสวงหาพยานหลักฐาน ซึ่งหากศาลต้องการพยานหลักฐานใดเพิ่มเติมสามารถเรียกเข้ามา ประกอบสำนวนการพิจารณาคดีนี้ได้อยู่แล้ว