เตรียมออกหมายจับ หน.รปภ.คอนโดย่านฝั่งธนฯ ก่อเหตุข่มขืนลูกบ้าน จับใส่กุญแจมือบังคับขืนใจ พบเคยต้องคดีกระทำชำเราเด็กที่ จ.สระแก้ว เข้าข่ายต้องห้ามทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ส่วนนิติบุคคลที่ไม่ให้ความร่วมมือตำรวจ อ้างไม่มีหมายค้น อาจมีความผิดด้วย
ที่ บช.น. วันที่ 5 ม.ค. 65 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษก บช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่ นายมนตรี ใหญ่กระโทก หัวหน้า รปภ.ก่อเหตุข่มขืนหญิงอายุ 36 ปี ลูกบ้านที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียมย่านฝั่งธนบุรี ว่า พนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม จะขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา และอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัว โดยยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของแหล่งที่อยู่ของคนร้าย
ส่วนการดำเนินคดีกับนิติบุคคลฯ ของคอนโดมิเนียม ที่ไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในการเข้าไปจับกุมคนร้าย โดยอ้างว่าไม่มีหมายค้นและอยู่ในยามวิกาลนั้น กรณีนี้แม้ว่าจะไม่ได้มีหมายค้นก็ตาม แต่ตำรวจสามารถเข้าไปตรวจสอบติดตามจับกุมคนร้ายได้ เนื่องจากเป็นเหตุเฉพาะหน้า ที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายโดยตรง ฉะนั้นนิติบุคคลฯ จะต้องให้ความร่วมมืออำนวยความสะดวกแก่ตำรวจ เพื่อติดตามจับกุมคนร้าย กรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม
โฆษก บช.น. กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบประวัติย้อนหลังยังพบว่า คนร้ายเคยต้องคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า ที่จังหวัดสระแก้ว เมื่อปี 2556 ต้องตรวจสอบกับบริษัทรักษาปลอดภัยที่รับคนร้ายเข้ามาทำงาน เนื่องจากคนร้ายเคยต้องโทษ ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจรักษาความปลอดภัย ระบุว่าห้ามรับบุคคลใดที่ต้องโทษคดีความผิดทางเพศ เข้าทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย หากบริษัทรักษาปลอดภัยไม่ตรวจสอบประวัติย้อนหลังกับผู้ที่มาสมัครเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ก็จะเข้าข่ายมีความผิดด้วยเช่นกัน
...
สำหรับพฤติการณ์ของคนร้ายในคืนเกิดเหตุ เนื่องจากผู้เสียหายลืมกุญแจห้องพักไว้ภายในห้อง จึงได้ขอความร่วมมือจากนายมนตรี หัวหน้า รปภ.คอนโด ให้เรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้องพักให้ เมื่อปิดประตูห้องได้แล้ว หลังจากนั้นนายมนตรีได้กลับไปเคาะประตูห้องผู้เสียหาย แล้วผลักผู้เสียหายล้มลงใส่กุญแจมือแล้วข่มขืน เมื่อสำเร็จความใคร่ได้หลบหนีไป ผู้เสียหายจึงโทรแจ้งตำรวจ.